สำนักงาน กสทช. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย บุกจับเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเถื่อน ชายแดนจังหวัดหนองคาย หลังพบการลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยส่งสัญญาณข้ามแม่น้ำโขงข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเป็นการนำสัญญาณการให้บริการจากฝั่งไทยไปเป็นกลไกการหลอกลวงประชาชนคนไทย จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ได้ของกลางจำนวนมาก ฝากขอความร่วมมือประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบอะไรที่ผิดปกติแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที

สำนักงาน กสทช. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย บุกจับเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเถื่อน ชายแดนจังหวัดหนองคาย หลังพบการลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยส่งสัญญาณข้ามแม่น้ำโขงข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเป็นการนำสัญญาณการให้บริการจากฝั่งไทยไปเป็นกลไกการหลอกลวงประชาชนคนไทย จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ได้ของกลางจำนวนมาก ฝากขอความร่วมมือประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบอะไรที่ผิดปกติแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที

เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (23 ก.ค. 67) ที่ สภ.โพนพิสัย จ.หนองคาย นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สายงานกิจการภูมิภาค , พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย , นายสัญญา กระจ่างศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. ภาค 2 , พ.ต.อ. อภิรักษ์ จำปาศรี ผู้กำกับการ 1 , พ.ต.อ. มรกต แสงสระคู ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 , พ.ต.อ.ธนกร พัฒนนันแก้ว ผกก.สภ.โพนพิสัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมกวาดล้างเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเถื่อน 4 จุด ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย

 

สืบเนื่องจาก การลาดตระเวนตรวจสอบตลอดแนวชายแดนของสำนักงาน กสทช. ในการปฏิบัติงานร่วมกับ สอท. ในช่วงที่ผ่านมา พบการลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยส่งสัญญาณข้ามแม่น้ำโขงข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเป็นการนำสัญญาณการให้บริการจากฝั่งไทยไปเป็นกลไกการหลอกลวงประชาชนคนไทย จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา กสทช. ได้ประกาศกำหนดมาตรการสำหรับการให้บริการโทรคมนาคมบริเวณแนวชายแดน ใน 7 พื้นที่ 5 จังหวัดที่มีความเสี่ยงต่อการนำบริการโทรคมนาคมไปให้บริการข้ามชายแดน ซึ่งอาจเป็นแหล่งที่กลุ่มผู้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี แฝงตัวและใช้สัญญาณหลอกลวงกลับมายังประเทศไทย โดยในปัจจุบันได้สั่งการให้มี การตรวจสอบขยายไปยังพื้นที่ชายแดนประเทศไทยพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนตามการสั่งการรัฐบาลให้เร่งรัดการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง จึงได้สั่งการให้สำนักงาน กสทช. ส่วนภูมิภาคที่มีเขตพื้นที่กำกับดูแลบริเวณแนวชายแดนทั่วประเทศ ออกลาดตระเวนตรวจสอบ

จากการออกลาดตระเวนตรวจสอบพบมีการลักลอบติดตั้งสถานีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง และอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการทำงานอันมิชอบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 4 จุด ใน 2 อำเภอบริเวณแนวชายแดนจังหวัดหนองคาย ได้แก่ อำเภอโพนพิสัย และอำเภอรัตนวาปี จึงได้สนธิกำลังกับตำรวจ สอท. ทำการเข้าตรวจค้นจับกุม ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ของกลางเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อนที่ใช้ในการส่งสัญญาณข้ามแดน โดยการกระทำดังกล่าวเบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานมี ใช้เครื่องวิทยุคมนาคม และตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. วิทยุคมนาคม พ.ศ 2498 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ/หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท และอาจมีความผิดฐานการประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ 2544 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ/หรือปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งในฐานความผิดการประกอบกิจการจะมีการตรวจสอบและขยายผลเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป ในการนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อถอนตรวจยึดอุปกรณ์ทั้งสถานีวิทยุเถื่อน พร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

พล.ต.ต. พิรัชย์ กล่าวว่า จากการปฏิบัติการร่วมกับ กสทช. ในการลงพื้นที่ ตรวจสอบจุดเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตเถื่อนบริเวณแนวชายแดนจังหวัดหนองคายทั้ง 4 แห่ง จึงได้สนธิกำลัง สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนนำมาสู่การจับกุมผู้กระทำผิดพร้อมของกลาง ดังนี้  ร้านจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อน ที่ ณ อำเภอรัตนวาปี ,  ร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ IT ณ อำเภอโพนพิสัย , สถานีกระจายเสียงวิทยุ FM ณ อำเภอโพนพิสัย และร้านขายส่งอิฐ หิน ปูน ทราย และผลิตภัณฑ์คอนกรีตเพื่อการก่อสร้าง ณ อำเภอรัตนวาปี

ในการนี้ชุดจับกุมได้ทำการรื้อถอนอุปกรณ์และจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี พร้อมทั้งยังได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกพื้นที่ ในการลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว ติดตามจับกุมการกระทำผิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ให้สอดรับตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา และเป็นไปตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการป้องกัน และปราบปรามการก่ออาชญากรรมออนไลน์ ที่หลอกลวงประชาชนคนไทยให้หมดสิ้นไป

นายจาตุรนต์ ได้ฝากขอความร่วมมือจากประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่จังหวัดชายแดน ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ หากพบเสาสัญญาณมีการติดตั้งอุปกรณ์หันไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบ เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการลักลอบนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากฝั่งไทยส่งสัญญาณข้ามแม่น้ำโขงข้ามชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่อาจเป็นการนำสัญญาณการให้บริการจากฝั่งไทยไปเป็นกลไกการหลอกลวงประชาชนคนไทย จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้ ส่วนที่มีการลักลอบลากสายเคเบิลข้ามแม่น้ำโขงทางจังหวัดภาคอีสานแถบนี้ยังไม่เคยเจอ ที่เจอก็จะมีทางอีสานใต้ คือจังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์ และกรณีที่สามารถใช้ซิมไทยในประเทศเพื่อนบ้านได้นั้น ก็มีความเป็นไปได้ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะนำซิมจากไทยไปใช้โทรกลับมาหลอกลวง เพราะเวลาโทรกลับมาก็จะขึ้นหมายเลขของไทย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบก็จะพบว่าโทรมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะอยู่นอกเหนืออำนาจก็จะใช้วิธีการประสานขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ขณะนี้กำลังอยู่ในมาตรการที่จะให้ผู้ประกอบการที่ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ มีการลดสัญญาณ รวมทั้งให้หันทิศทางสายอากาศไม่ให้สัญญาณที่ส่งล้ำแดนไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน.

 

กลับ กลับหน้าหลัก



ติดต่อเรา

Copyright © 2016 nongkhainewsonline : ข่าวออนไลน์หนองคาย