เมื่อไปถึงพบหญิงอายุประมาณ 60 ปี ที่ได้ปีนขึ้นไปบนเสารับส่งสัญญาณโทรศัพท์ที่มีความสูงประมาณ 80 เมตร และได้เหม่อลอย​อยู่ช่วงรอยต่อเสาช่วงที่ 5 ซึ่งสูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันตะโกนให้ปีนลงจากเสา กระทั่งหญิงคนดังกล่าวได้ยอมพูดคุยตอบโต้และบอกว่าตนเองชื่อนางมณีรัตน์ พรมมา อายุ 60 ปี  ที่อยู่ 361 หมู่ 1 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย พร้อมตะโกนบอกอยากตายเนื่องจากมีหนี้สินเยอะ ด.ต.สมคิด กองลุน จึงได้ปีนขึ้นไปเกลี้ยกล่อมและบอกให้ใจเย็นๆ จนกระทั่งนางมณีรัตน์ มีท่าทีอ่อนลง ด.ต.สมคิด จึงปีนขึ้นไปพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยประจักษ์นำตัวลงมาสงบสติอารมณ์ที่ด้านล่าง ท่ามกลางความโล่งใจของชาวบ้านที่ยืนลุ้นกันอยู่ด้วยความระทึก

จากการสอบถาม นางมณีรัตน์ บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเครียดเนื่องจากเป็นหนี้นอกระบบ (หนีทอง) ต้องหาเงินมาจ่ายรายวันทุกวันวันละเกือบ 400 บาท ไม่รวมหนี้รายเดือนอีก ช่วงนี้ตนหาเงินไม่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่เร่งรัด ตนมีหนี้อยู่รวมๆประมาณ 50,000 บาท ตนอยากหาเงินมาปิดหนี้แต่หายืมที่ไหนก็ไม่ได้จึงตัดสินใจหวังฆ่าตัวตายโดยการไปกระโดดเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ แต่ตนใจเย็นลงเพราะตำรวจพูดเกลี้ยกล่อม

ด.ต.สมคิด กองลุน กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้ขอข้อมูลหนี้ที่นางมณีรัตน์ติดค้างอยู่เพื่อนำเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อหาทางช่วยเหลือ ซึ่งพบว่าหนี้ของนางมณีรัตน์ไม่ใช่หนี้ของแก๊งเงินกู้รายวัน แต่เป็นหนี้สินที่ยืมมาประกอบธุรกิจส่วนตัว (ขายก๋วยเตี๋ยว) แต่ประสบภาวะขาดทุนทำให้เกิดอาการเครียด ตนได้พูดเกลี้ยกล่อมให้ลงมาตำรวจจะหาทางช่วยเหลือ จนนางมณีรัตน์ใจอ่อนยอมลงมา

ด้าน นายพรชัย พรพิรุณโรจน์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าบ่อ กล่าวว่า ภายหลังรับแจ้งตนได้ประสานรถกระเช้าจากเทศบาลเมืองท่าบ่อ เพื่อเตรียมพร้อม และได้ประสานเบาะลมเพื่อกรณีฉุกเฉิน ซึ่งต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกลี้ยกล่อมจนนางมณีรัตน์ยอมลงมาอย่างปลอดภัย ซึ่งตนจะได้เข้าไปสอบถามปัญหาว่ามีอะไรที่พอจะช่วยได้ไหมเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป.