การจับกุมยาไอซ์ล็อตใหญ่ครั้งนี้ เนื่องด้วยเป็นช่วงใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยการสั่งการ พล.ต.ต.อัทธชนม์ ช่วงงาม ผบก.ภ.จว.หนองคาย ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ บุญเสริม ผกก.สืบสวน ภ.จว.หนองคาย เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราพื้นที่ จ.หนองคาย เนื่องจากเชื่อว่าจะมีการพยายามขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าพื้นที่ตอนใน

ต่อมาวันที่ 19 ธ.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.หนองคาย ได้รับแจ้งข่าวจากสายลับว่ามีรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถเก็ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน กพ 8175 อุครธานี จะเข้ามารับยาเสพติดและลำเลียงเข้าพื้นที่ตอนใน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้จัดกำลังออกไปตรวจสอบตามบริเวณที่ได้รับแจ้งดังกล่าว เมื่อไปถึงบริเวณที่ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังชุ่มดูตามจุดต่าง ๆ ริมถนนพนังชลประทาน ช่วงระหว่างหมู่บ้านธาตุใต้ไปหมู่บ้านหาดคำ ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. พบรถยนต์ต้องสงสัยขับวนเวียนอยู่ที่บริเวณถนนพนังชลประทานภายในหมู่บ้านธาตุใต้ มุ่งไปหมู่บ้านหาดคำ ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์รถยนต์คันดังกล่าว

จนกระทั่งรถยนต์ต้องสงสัยขับผ่านบริเวณหน้าร้านอาหารริเวอร์ชิล มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองหนองคาย เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งซุ่มอยู่เชื่อว่ารถยนต์ต้องสงสัยได้ไปรับยาเสพติด จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งประจำรถยนต์ ขับไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิดและเรียกให้หยุดรถ ที่บริเวณชุมชนธาตุใต้ – ชุมชนดอนสวรรค์ เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวหยุดรถแล้ว เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวและเรียกให้ชายต้องสงสัยลงจากรถ ทราบชื่อคือนายทวีวัฒน์ อายุ 61ปี ชาว อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ที่นายทวีวัฒน์ฯขับขี่มา ผลการตรวจค้นพบกระเป๋าจำนวน 6 กระเป๋า อยู่บริเวณเบาะหลัง ภายในกระเป๋ามียาไอซ์ ซุกซ่อนอยู่ จำนวน 99 ก้อน น้ำหนักรวมประมาณ 99 กก.

จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ บอกว่ารับจ้างจากคนไทยที่รู้จักกัน ให้ขับรถมารถยาไอซ์ดังกล่าว จากริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณบ้านธาตุใต้ ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย แล้วนำรถไปจอดไว้ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย ทำมาแล้วรวมกับครั้งนี้ 8 ครั้ง ได้ค่าจ้าง 10,000 บาท

เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป" ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.