สืบเนื่องจากสำนักพระราชวังได้มีประกาศ ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2568 เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต และกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงความอาลัยและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะการส่งเสริมอาชีพและศิลปาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในท้องถิ่นทุรกันดาร จังหวัดหนองคาย ด้วยความร่วมมือระหว่างส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่จังหวัดหนองคาย โดยมีองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดหนองคาย สนับสนุนการดำเนินงานด้านงบประมาณ ได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนชาวจังหวัดหนองคาย ได้มีโอกาสเดินทางไปกราบถวายบังคมพระบรมศพ เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพร้อมได้ศึกษาเรียนรู้พระราชกรณียกิจ และแนวทางการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านแหล่งเรียนรู้สำคัญ อาทิ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯและพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาทักษะ ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืนสืบไป ทั้งนี้ ก็เพื่อสานพลังประชารัฐปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติสืบไป

การดำเนินโครงการในครั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย ข้าราชการ และประชาชนจาก 3 อำเภอในจังหวัดหนองคาย ประกอบด้วย อ.เมืองหนองคาย , อ.ท่าบ่อ และ อ.โพธิ์ตาก ที่มีความประสงค์จะเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ รวมทั้งสิ้น 750 คน

จากนั้นเวลา 12.30 น. นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นายพิเชษฐศ์ ตันเทอดทิตย์ รองนายก อบจ.หนองคาย , นายประทีป อุ่ยเจริญ ปลัดจังหวัดหนองคาย , นางศศิธร อาภรณ์ธนกุล ขนส่งจังหวัดหนองคาย , นายเดชมนตรี ผิวเหลือง ป้องกันจังหวัดหนองคาย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงาน ในจังหวัดหนองคาย ได้ร่วมกันส่งขบวนรถที่นำเข้าร่วมโครงการฯ ไปเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ และศึกษาเรียนรู้พระราชกรณียกิจ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งจังหวัดหนองคาย ได้มีการจัดรถออกเป็น 2 ขบวน ๆ ละ 9 คัน รวม 18 คัน แต่ละขบวนมีรถนำและรถปิดท้ายขบวน รถแต่ละคันมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประจำรถทุกคัน ในส่วนของพนักงานขับรถก็ได้ผ่านการตรวจแอลกอฮอล์ตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดทุกคน นอกจากนี้รถทุกคันต้องผ่านการตรวจสภาพมาแล้วไม่เกิน 30 วัน อีกทั้งยังจะมีการตรวจสภาพรถทุกคันเป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทางทั้งไปและกลับ เพื่อให้การเดินทางมีความปลอดภัยมากที่สุด.