เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ร่วมกับหลายหน่วยงาน ตรวจยึดเฮโรอีน น้ำหนักประมาณ 1.5 กก. มูลค่ากว่า 4.5 แสนบาท พร้อมผู้ต้องหาหญิงชาวไทย 1 ราย ซุกซ่อนอย่างมิดชิดในกระเป๋าเป้ โดยมีการตัดเย็บอย่างดี สารภาพรับจ้างชาวต่างชาติผิวดำ ให้สะพายข้ามโขง แล้วจะได้ค่าจ้าง 20,000 บาท เจ้าหน้าที่เตือนอย่ารับหิ้วหรือรับฝากสิ่งของจากคนที่ไม่รู้จักเด็ดขาด เพราะอาจจะเป็นยาเสพติดได้
เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ร่วมกับหลายหน่วยงาน ตรวจยึดเฮโรอีน น้ำหนักประมาณ 1.5 กก. มูลค่ากว่า 4.5 แสนบาท พร้อมผู้ต้องหาหญิงชาวไทย 1 ราย ซุกซ่อนอย่างมิดชิดในกระเป๋าเป้ โดยมีการตัดเย็บอย่างดี สารภาพรับจ้างชาวต่างชาติผิวดำ ให้สะพายข้ามโขง แล้วจะได้ค่าจ้าง 20,000 บาท เจ้าหน้าที่เตือนอย่ารับหิ้วหรือรับฝากสิ่งของจากคนที่ไม่รู้จักเด็ดขาด เพราะอาจจะเป็นยาเสพติดได้
เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันที่ 20 กันยายน 2568 ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย หรือด่านพรมแดนหนองคาย นางสาววรรณา ผู้อุตส่าห์ นายด่านศุลกากรหนองคาย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคาย , นายสมจินต์ จิตรสมนึก ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร 1 , นายพัฒนพงศ์ ตันติวัฒนกุลชัย หัวหน้าฝ่ายบริการศุลกากร 1 , นายจิรายุ สิงหาษา หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับ ตม.หนองคาย , กก.สส.ภ.จว.หนองคาย , สภ.เมืองหนองคาย , บก.ควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี , กร.รมน.จว.หนองคาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายณัฐชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี ชาวตำบลบ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และหญิงอายุ 26 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น พร้อมเฮโรอีน น้ำหนักประมาณ 1.5 กก. มูลค่าประมาณ 4.5 แสนบาท ที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ร่วมกับหลายหน่วยงานตรวจยึดจับกุมได้ เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น.ของวันที่ 19 กันยายน 2568
การตรวจยึดยาไอซ์ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 06.30 น.ของวันที่ 19 กันยายน 2568 ขณะที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยใช้รถประจำทางผ่านด่านพรมแดนหนองคาย พร้อมสะพายกระเป๋าเป้จำนวน 1 ใบ เมื่อผู้ต้องหาเดินตามช่องทางผู้โดยสารขาเข้ามายังจุดตรวจสัมภาระของศุลกากร เจ้าหน้าที่ได้เรียกตรวจกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่อง X-Ray จากการตรวจสอบภาพเอกซเรย์พบว่ากระเป๋ามีความผิดปกติ จึงได้ขอเปิดตรวจภายในกระเป๋า พบเป็นของใช้ส่วนตัว และเมื่อตรวจสอบบริเวณผนังกระเป๋าด้านหลังพบหนาผิดปกติ เมื่อแกะดูพบมีห่อสีดำซุกซ่อนอยู่ จำนวน 1 ห่อ เปิดดูภายในห่อสีดำพบผงสีขาวบรรจุอยู่ภายใน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1.5 กก. จึงได้นำผลสีขาวมาทดสอบด้วยน้ำยา ONCB015 ปรากฏว่ามีการทำปฏิกิริยากับน้ำยาเคมี จากใสไม่มีสีเปลี่ยนเป็นสีม่วง จึงเชื่อได้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้
จากการสอบถามเบื้องต้นทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมครั้งนี้ ได้เดินทางข้ามไปนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ขณะจะเดินทางกลับในเช้าของวันที่ 19 กันยายน 2568 ได้มีชายชาวต่างชาติผิวดำได้ฝากให้สะพายกระเป๋าเป้ข้ามกลับมาที่ฝั่งไทย โดยจะได้ค่าจ้าง 20,000 บาท ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดอีกครั้งเมื่อผ่านด่านฯไปได้ แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบและจับกุมตัวไว้ก่อน
ทางด้านนางสาววรรณา ผู้อุตส่าห์ นายด่านศุลกากรหนองคาย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคาย ได้ฝากเตือนถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางไป สปป.ลาว อย่างรับฝากกระเป๋าหรือสิ่งของใด ๆ จากคนที่ไม่รู้จักเด็ดขาด เพราะอาจจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายใน จนทำให้ถูกจับกุมได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ได้ส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลติดตามขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามประเทศมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป.