ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย (ตม.หนองคาย) ตัดวงจรเครือข่ายค้ายา รวบ “อาร์ต ตาเดียว“ ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีฟอกเงินจากขบวนค้ายาเสพติดรายสำคัญพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและมีอาวุธปืนฯ หลังแอบมากบดานอยู่ชายแดนพื้นที่จังหวัดหนองคาย
ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย (ตม.หนองคาย) ตัดวงจรเครือข่ายค้ายา รวบ “อาร์ต ตาเดียว“ ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีฟอกเงินจากขบวนค้ายาเสพติดรายสำคัญพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งคดีร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและมีอาวุธปืนฯ หลังแอบมากบดานอยู่ชายแดนพื้นที่จังหวัดหนองคาย
วันนี้ (15 พ.ย. 67) พ.ต.อ.กฤชมงกุฎ บูรณะภักดี ผกก.ตม.จว.หนองคาย ,พ.ต.ท.ธียาฌพัตท์ รังสิพราหมณกุล รอง ผกก.ตม.จว.หนองคาย ,พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว.ตม.จว.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ ตม.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายสุทัศน์หรืออ๊าตตาเดียว อายุ 39 ปี ชาวไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 242/2562 ลง 22 ส.ค.2562 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงินฯ และสมคบกันฟอกเงินฯ” โดยมี พงส.สภ.มหาราช เป็นเจ้าของคดี
การจับกุมในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สตม. โดยตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคายได้เข้มงวดปราบปรามเครือข่ายค้ายาเสพติดที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ชายแดนจังหวัดหนองคาย ตามมาตรการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล โดย นายสุทัศน์ เจ้าของฉายาอาร์ต ตาเดียว เป็นนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคกลาง เมื่อ ปี 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.และ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดแผนยุทธการขุดราก ถอนโคน โค่นต้นตอยาเสพติด ซึ่งครั้งนั้นได้เข้าตรวจค้นพื้นเป้าหมายเครือข่ายของ นายสุทัศน์หรืออาร์ต ตาเดียว ทั้งสิ้น 25 จุด ในพื้นที่ภาคกลาง ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดลพบุรี เพชรบูรณ์ เชียงราย นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร สามารถตรวจยึดทรัพย์สินบ้าน ที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทองรูปพรรณ และเงินสด ได้รวมจำนวน 29 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีทรัพย์สินที่กลุ่มเครือข่ายผู้ต้องหาโอนไปยังบุคคลอื่น หรือใช้ชื่อผู้อื่นในการถือครองแทนแต่ระหว่างเข้าปิดล้อมตรวจค้น นายสุทัศน์ หรืออาร์ต ตาเดียว ไหวตัวทันหลบหนีออกจากพื้นที่มากบดานบริเวณชายแดนไทย-ลาว จ.หนองคาย และยังคงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลคดี พบว่า นายสุทัศน์ฯ ยังเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 1146/2558 ลง 17 ธ.ค.2558 ข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและมีอาวุธปืนฯ” โดยมี พงส.สน.ร่มเกล้า เป็นเจ้าของคดี
โดย ตม.หนองคาย เมื่อได้รับข้อมูลจึงได้ทำการสืบสวนแกะรอย จนสามารถรวบตัวได้พร้อมทั้งประสานส่งตัวให้ สภ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา และ สน.ร่มเกล้า รับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.