เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย จับคนร้ายที่ตระเวนงัดร้านโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 67 จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 67 ที่มีร้านถูกงัดไปถึง 7 ร้าน ความเสียหายหลายแสนบาท ได้แล้ว เป็นชายอายุ 23 ปี ชาวตำบลโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย สารภาพตกงานและเสพยาบ้า เกิดจากความคิดชั่ววูบ หลังได้ทรัพย์สินแล้วนำไปจำนำและขายขาดตามร้านโทรศัพท์ต่าง ๆ ในเขตจังหวัดหนองคาย เห็นขายได้เงินง่ายจึงได้ก่อเหตุต่อเนื่องถึง 7 ครั้ง แต่เข้าไปภายในร้านและขโมยทรัพย์สินได้เพียง 5 ร้าน อีก 2 ร้านตัดกุญแจไม่ได้และมีเจ้าของร้านอยู่ภายในร้าน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตือนร้านรับซื้อโทรศัพท์อาจจะมีความผิดฐานรับของโจรได้ และขอให้ช่วยกันติดตั้งกล้องวงจรปิด เพราะเมื่อมีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดูภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย จับคนร้ายที่ตระเวนงัดร้านโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 67 จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 67 ที่มีร้านถูกงัดไปถึง 7 ร้าน ความเสียหายหลายแสนบาท ได้แล้ว เป็นชายอายุ 23 ปี ชาวตำบลโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย สารภาพตกงานและเสพยาบ้า เกิดจากความคิดชั่ววูบ หลังได้ทรัพย์สินแล้วนำไปจำนำและขายขาดตามร้านโทรศัพท์ต่าง ๆ ในเขตจังหวัดหนองคาย เห็นขายได้เงินง่ายจึงได้ก่อเหตุต่อเนื่องถึง 7 ครั้ง แต่เข้าไปภายในร้านและขโมยทรัพย์สินได้เพียง 5 ร้าน อีก 2 ร้านตัดกุญแจไม่ได้และมีเจ้าของร้านอยู่ภายในร้าน ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตือนร้านรับซื้อโทรศัพท์อาจจะมีความผิดฐานรับของโจรได้ และขอให้ช่วยกันติดตั้งกล้องวงจรปิด เพราะเมื่อมีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดูภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้

เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (14 พ.ย. 67) ที่งานสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย และ พ.ต.ท.พุฒิชัย จันทร์ทอง รอง ผกก.(สส.) สภ.เมืองหนองคาย ได้ร่วมกันสอบถามเบื้องต้น นายกิตติศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ชาว ตำบลโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย ผู้ต้องหาที่ตระเวนงัดร้านโทรศัพท์ในเขตอำเภอเมืองหนองคาย โดยเฉพาะในตัวเมืองหนองคาย มาตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2567 จนครั้งสุดท้ายวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 รวม 7 ร้าน แต่เข้าไปขโมยทรัพย์สินในร้านได้ 5 ร้าน อีก 2 ร้านตัดกุญแจไม่ได้และมีเจ้าของอาศัยอยู่ภายในร้าน มูลความเสียหายหลายแสนบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามจนรู้ตัว แต่ผู้ต้องหาได้ย้ายที่อยู่ไปเรื่อย

 

จนกระทั่งวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ชุดสายฟ้าได้เข้าตรวจสอบเหตุชายคุ้มคลั่ง จุดไฟเผาบ้านตนเอง ที่บ้านไม่มีเลขที่ (บ้านเนินพะเนาว์) หมู่ที่5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย สายตรวจฯ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ พบชายไม่ทราบชื่ออยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวเพียงลำพัง มีร่องรอยไฟไหม้ แต่ยังไม่ดับสนิทที่บริเวณฝ้าเพดาน จึงได้นำตัวชายดังกล่าวออกมาข้างนอกบ้านพร้อมสอบถามให้การว่า ตนเองได้จุดยากันยุงไว้ที่ตู้วางของ แล้วเผลอหลับ ทำให้ไฟไหม้บ้านดังกล่าว สอบถามเพื่อนบ้านข้าง ๆ บ้านทราบว่าชายดังกล่าวมีอาการป่วยทางจิต จึงได้แจ้งกู้ภัยเข้ามาทำการดับไฟบนฝ้าเพดาน เมื่อไฟดับสนิทแล้วจะนำตัวชายดังกล่าวไปส่ง รพ.หนองคาย เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาอาการป่วยทางจิตดังกล่าว แต่ขณะที่สายตรวจฯกำลังนำตัวชายดังกล่าวขึ้นรถ มีสายตรวจนายหนึ่ง รู้สึกว่าคุ้นๆหน้าตาของชายดังกล่าว มีลักษณะคล้ายชายในภาพกล้องวงจรปิด เหตุลักทรัพย์ในตลาดท่าเสด็จ จึงได้แจ้งให้ชุดสายตรวจทั้งหมดทราบ และได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย ให้ร่วมตรวจสอบและตรวจค้น จากการตรวจค้นภายในบริเวณบ้าน เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลในภาพกล้องวงจรปิดจริง เมื่อสายตรวจฯทำการตรวจค้น จึงได้พบสิ่งของต่าง ๆ เช่น แท็ปเลต พระเครื่อง พระพุทธรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า หน้าจอโทรศัพท์ อุปกรณ์คีมตัดถ่างขนาดใหญ่ เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ ซุกซ่อนอยู่ในกล่องกระดาษเครื่องมือ รองเท้าผ้าใบ หมวกกันน็อกที่ใช้สวมใส่ เป็นต้น จึงได้ควบคุมตัว และแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลถึง และติดตามทรัพย์สินที่ถูกขโมยแล้วนำไปจำนำและไปขายตามร้านโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ เพื่อจะได้นำมาคืนให้ร้านค้าที่ถูกขโมยทรัพย์สินดังกล่าวต่อไป

 

พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย กล่าวว่าจากเหตุคนร้ายตระเวนลักทรัพย์ในพื้นที่ สภ.เมืองหนองคาย หลายแห่ง ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 67 จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้ออกสืบสวนติดตามจนทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใครและได้แจ้งประชาสัมพันธ์ตำหนิรูปพรรณของคนร้ายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองคายทุกคนได้ทราบ จนกระทั่งวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ได้มีพลเมืองดีว่า มีเหตุชายคลุ้มคลั่งจะเผาบ้าน จึงได้สั่งการให้ชุดสายตรวจ สภ.เมืองหนองคาย (ชุดสายฟ้า) ออกตรวจสอบ พบนายกิตติศักดิ์อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ตำหนิรูปพรรณตรงกับที่มีการแจ้งไว้ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกไปร่วมตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นคนที่ก่อเหตุตระเวนงัดร้านโทรศัพท์จึงได้ทำการควบคุมตัวมา มีการตรวจค้นภายในบ้านพบเสื้อผ้า ที่ใช้สวมใส่ตอนก่อเหตุ เครื่องมือที่ใช้ก่อเหตุ รวมไปถึงพบทรัพย์สินที่ขโมยจากร้านโทรศัพท์มือถือที่เข้าไปก่อเหตุหลายรายการ ซึ่งนายกิตติศักดิ์ รับว่าเป็นผู้ที่ก่อเหตุจริง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามทรัพย์สินต่าง ๆ ได้เกือบทั้งหมดเพื่อจะได้นำส่งคืนเข้าของร้านต่อไป

ผกก.สภ.เมืองหนองคาย ได้ฝากถึงร้านโทรศัพท์ ว่า ผู้ก่อเหตุหลังได้ทรัพย์สินแล้วนำไปจำนำหรือขายให้กับร้านในราคาถูก จึงอยากฝากเตือนถึงร้านโทรศัพท์มือถือว่า การจะรับซื้อหรือรับจำนำ อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย คือรับของโจรได้ ดังนั้นหากมีเคสที่ผิดปกติคือมีคนนำโทรศัพท์มาจำนำหรือขายขาดให้กับทางร้านในราคาที่ถูกผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองหนองคาย ให้ทราบด้วย เพื่อจะได้ติดตามสืบสวนต่อไป นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือให้ร้านโทรศัพท์มือถือมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีความชัดเจน เพราะเคสนี้เจ้าหน้าที่ติดตามคนที่ก่อเหตุได้จากภาพในกล้องวงจรปิดที่มีความชัดเจน

ทางด้าน นายกิตติศักดิ์ (ผู้ก่อเหตุ) บอกว่า ก่อนหน้าที่มาก่อเหตุได้ทำงานอยู่โรงน้ำแข็ง แต่สู้งานไม่ได้เนื่องจากงานหนักและต้องตื่นแต่เช้า จึงได้ออกจากงานมาอยู่บ้านกับแม่ เงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินที่ขโมยได้จะนำไปจับจ่ายใช้ในชีวิตประจำวัน อีกส่วนหนึ่งก็ซื้อยาเสพติดมาเสพ ตนยังไม่มีลูกเมีย มีการเสพยาครั้งสุดท้าย 3 วันก่อนจะถูกจับ ก่อนก่อเหตุที่จังหวัดหนองคายตนไม่เคยก่อเหตุที่ไหนมาก่อน ที่มาก่อเหตุงัดร้านโทรศัพท์ไม่รู้เกิดจากอะไร คิดขึ้นมาได้เอง การเลือกร้านที่จะเข้าไปก่อเหตุ ก็จะดูร้านที่มีช่องที่จะลอดเข้าไปได้ ทรัพย์สินที่ได้ก็จะนำไปเก็บไว้ที่บ้านพัก จากนั้นก็จะนำไปจำนำและไปขายฝากที่ร้านโทรศัพท์ใกล้บ้าน มีทั้งตนนำไปเองและคนอื่นนำไปขายให้ ส่วนเครื่องมือในการก่อเหตุนั้นเริ่มจากซื้อคีมตัดเล็ก ๆ ก่อนจะนำไปซื้อคีมตัดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากคีมตัดอันเล็กตัดไม่ได้ ส่วนที่ขโมยคอมพิวเตอร์นั้น เนื่องจากงัดเข้าไปในร้านแล้วไม่มีโทรศัพท์ มีเพียงคอมพิวเตอร์ จึงได้หยิบมาด้วย ดีกว่าไม่ได้อะไร ยอมรับว่าทำเพียงคนเดียว และขอรับโทษตามกฎหมายที่ได้ตนได้ทำไว้.

 

กลับ กลับหน้าหลัก



ติดต่อเรา

Copyright © 2016 nongkhainewsonline : ข่าวออนไลน์หนองคาย