พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดหนองคาย และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” เมื่อคืนที่ผ่านมา ร่วมสืบสานประเพณีออกพรรษา ประจำปี 2566 “ตักบาตรเทโวโรหณะ” เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดหนองคาย และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” เมื่อคืนที่ผ่านมา ร่วมสืบสานประเพณีออกพรรษา ประจำปี 2566 “ตักบาตรเทโวโรหณะ” เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
บรรยากาศการทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ ในช่วงเช้าของวันนี้ (30 ต.ค. 66) มีพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดหนองคายและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชม “บั้งไฟพญานาค” พร้อมครอบครัวนำอาหารคาว หวาน ดอกไม้ธูปเทียนออกมาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ วันออกพรรษา ประจำปี 2566 “ตักบาตรเทโวโรหณะ” เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
โดยคณะสงฆ์ได้ออกบิณฑบาตภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย จำนวน 4 สาย จุดใหญ่คือบริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย หลังเดิม มีนายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นายณัฐวัสส์ วิริยานภรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย , นายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ส่วนราชการ พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดหนองคาย และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมบั้งไฟพญานาค ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร
สำหรับการตักบาตรเทโวโรหณะ หรือตักบาตรเทโว เป็นประเพณีที่สำคัญของพุทธศาสนิกชนที่จัดขึ้นเป็นประเพณีในช่วงวันออกพรรษาของทุกปี โดยเชื่อว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จขึ้นไปจำพรรษา และเทศนาอภิธรรมปิฎกโปรดพุทธมารดา ครั้นออกพรรษาแล้วก็เสด็จลงมาจากเทวโลกในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 พระอินทร์ทรงนิมิตบันได 3 อย่างถวาย คือ บันไดทอง บันไดแก้วมณี และบันไดเงิน หัวบันไดพาดอยู่ที่ยอดเขาสิเนรุ เชิงบันไดอยู่ที่ประตูเมืองสังกัสสะนคร เวลาเสด็จลงทรงใช้บันไดแก้วมณี เหล่าเทวดาลงทางบันไดทอง เหล่ามหาพรหมลงทางบันไดเงิน เรียกการเสด็จครั้งนั้นว่า เทโวโรหณะ.