กลางวันเป็นพระ กลางคืนเป็นโจร!! เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย รวบชายชาวตำบลเซิม อำเภอโพนพิสัย ขณะกำลังงัดตู้เติมเงินโทรศัพท์หน้าร้านขายของชำ พบพฤติกรรมสุดแสบคือกลางวันเป็นพระ พอตกกลางคืนสลัดผ้าเหลืองสวมชุดฆราวาสเป็นโจร ออกตระเวนงัดร้านสวัสดิการในโรงเรียน และร้านค้า จำนวน 5 แห่ง บางแห่งเข้างัด 2 รอบ ตรวจฉี่พบมีผลเป็นบวก เข้าค้นกุฏิพบยาบ้า 43 เม็ด
กลางวันเป็นพระ กลางคืนเป็นโจร!! เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย รวบชายชาวตำบลเซิม อำเภอโพนพิสัย ขณะกำลังงัดตู้เติมเงินโทรศัพท์หน้าร้านขายของชำ พบพฤติกรรมสุดแสบคือกลางวันเป็นพระ พอตกกลางคืนสลัดผ้าเหลืองสวมชุดฆราวาสเป็นโจร ออกตระเวนงัดร้านสวัสดิการในโรงเรียน และร้านค้า จำนวน 5 แห่ง บางแห่งเข้างัด 2 รอบ ตรวจฉี่พบมีผลเป็นบวก เข้าค้นกุฏิพบยาบ้า 43 เม็ด
เมื่อเวลาประมาณ 01.15 น.วันที่ 2 กันยายน 2568 ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจ สภ.เซิม อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ออกตรวจในพื้นที่ ได้พบนายศุภัชชัย หรือเกม อายุ 20 ปี (ทราบชื่อภายหลัง) มีลักษณะท่าทางเหมือนกำลังงัดตู้เติมเงินโทรศัพท์ (ตู้บุญเติม) อยู่หน้าร้านขายของชำของนางคำพันธ์ ภูนาชำ เลขที่ 142 หมู่ 9 ต.เซิม จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เซิม เข้าร่วมทำการจับกุม ขณะที่เจ้าหน้าที่แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายศุภัชชัย ได้พยายามขับขี่รถจักรยานปั่นเพื่อหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจนสามารถควบคุมตัวไว้ได้ และได้นำตัวมาที่บริเวณตู้เติมเงิน ตรวจสอบพบกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินวางอยู่ใกล้ตู้เติมเงิน ภายในกระเป๋าพบคีมตัดเล็ก 1 อัน ไขควง 3 อันและประแจ 1 อัน
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เซิม ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายหลายรายว่า มีเหตุงัดบ้านเรือนและร้านค้า แล้วเข้าไปลักทรัพย์เป็นเวลาติดต่อกันหลายวัน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ผู้ก่อเหตุมีลักษณะการแต่งกายสวมกางเกงขายาวสีดำแถบขาว สวมเสื้อกีฬาบ้างและเสื้อแขนยาวบ้าง แต่ทุกครั้งผู้ก่อเหตุมักจะสวมหมวกสีเขียวลายพรางแบบปกคลุมใบหน้ามิดชิด และสะพายกระเป๋าผ้าสีน้ำเงินมีขาคีมตัดเหล็กโผล่ออกมาจากกระเป๋า โดยพฤติกรรมในการก่อเหตุ คือมักจะก่อเหตุในเวลากลางคืนช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. – 04.00 น. ทรัพย์สินที่ได้ไปจะเป็นเงิน โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และซิมโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.หนองคาย , พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส รอง ผบก.ภ.จว.หนองคาย , พ.ต.ท.ศิริพงษ์ พหลชัยชูพงศ์ สารวัตรใหญ่ สภ.เซิม จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและชุดสายตรวจ สภ.เซิม จึงได้ร่วมกันประชุมวางแผน เพื่อดักซุ่มรอผู้ก่อเหตุ ตามร้านค้าที่คาดว่าผู้ก่อเหตุอาจจะทำการก่อเหตุอีกครั้ง พร้อมกับให้ชุดสายตรวจทำการตรวจตราภายในพื้นที่ให้บ่อยครั้งขึ้น จนกระทั้งพบตัวผู้ต้องหากำลังก่อเหตุ และสามารถจับกุมตัวไว้ได้
สอบถามนายศุภัชชัย ยอมรับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการงัดแงะร้านค้าเพื่อเข้าไปลักทรัพย์ เงินที่ได้ก็จะนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ และนายศุภัชชัยยังได้ให้การว่า ปกติตนจะบวชเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในตำบลเซิม แต่เวลากลางคืนตนจะสวมใส่เสื้อผ้าแต่งกายเป็นฆราวาสออกจากวัดตระเวนงัดบ้านและร้านค้าเพื่อลักทรัพย์ และสารภาพว่าก่อนจะออกมาตะเวนลักทรัพย์ได้เสพยาบ้ามาก่อน อีกทั้งยังมียาบ้าที่เหลือซุกซ่อนอยู่ที่กุฏิภายในวัด สอบถามเจ้าอาวาสยืนยันว่าเป็นพระลูกวัดจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขอหมายค้นกุฏิภายในวัดดังกล่าว พบยาบ้าจำนวน 43 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในขวดพลาสติกวางอยู่บนหัวเตียง ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ยังพบทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาขโมยมาอีกหลายรายการ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ทั้งหมดพร้อมกับชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันที่ก่อเหตุตะเวนลักทรัพย์ ส่วนยาบ้านั้นนายศุภัชชัย บอกว่าซื้อจากวัยรุ่นในหมู่บ้าน ราคาเม็ดละ 22 บาท และจากผลการตรวจปัสสาวะจากโรงพยาบาลโพนพิสัย ยืนยันว่าพบสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ
นายศุภัชชัย ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้ได้ยอมรับว่าตนก่อเหตุตระเวนงัดบ้าน ร้านค้าเพื่อเข้าไปลักทรัพย์มาแล้ว จำนวน 6 ครั้ง คือที่ร้านสวัสดิการโรงเรียนเซิมพิทยาคม 2 ครั้ง , ร้านสวัสดิการโรงเรียนบ้านเซิม 1 ครั้ง , ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ เฝ้าไร่เทเลคอม 1 ครั้ง , ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ช่างเกม 1 ครั้ง และร้านรับส่งพัสดุ 1 ครั้ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เซิมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ส่วนข้อกล่าวหาอื่น ๆ พนักงานสอบสวน สภ.เซิม จะได้มีการแจ้งเพิ่มหลังสอบปากคำอีกครั้ง.