เจ้าหน้าที่ป่าไม้ (หน่วยรักษาป่าที่ นค.2 หนองหลวง) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. และผู้นำชุมชน เข้าตรวจสอบกรณีตัดไม้หวงห้ามภายในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวง อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย สื่อมวลชนตรวจสอบพบทำเป็นขบวนการมีการลักลอบตัดไม้หวงห้าม (ประดู่) มีนายทุนนำรถมาขนไม้มีภาพถ่ายยืนยันชัดเจน จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่ป่าไม้ (หน่วยรักษาป่าที่ นค.2 หนองหลวง) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. และผู้นำชุมชน เข้าตรวจสอบกรณีตัดไม้หวงห้ามภายในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวง อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย สื่อมวลชนตรวจสอบพบทำเป็นขบวนการมีการลักลอบตัดไม้หวงห้าม (ประดู่) มีนายทุนนำรถมาขนไม้มีภาพถ่ายยืนยันชัดเจน จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ
วันนี้ (20 ส.ค. 68) ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวง บ้านพรประเสริฐ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย นายประยงค์ มานัสการ รักษาการหัวหน้าหน่วยรักษาป่าที่ นค.2 (หนองหลวง) ,ร.ต.ท.ตรีภพ ประกอบผล รองสารวัตร กก.3 บก.ปทส. ,นางจันทร์เพ็ญ พาพันธ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 บ้านพรประเสริฐ พร้อมเจ้าหน้าที่และ สื่อมวลชน ได้ร่วมกันลงตรวจสอบกรณีตัดไม้ในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวง
จากการตรวจสอบพบว่า มีการตัดไม้ ต้นประดู่ จำนวน 4 ต้น (จัดเป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก. ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530) และพญาสัตบรรณหรือต้นตีนเป็ด จำนวน 1 ต้น โดยพบร่องรอยการแปรรูปไม้ และไม้ที่ถูกแปรรูปกองไว้บางส่วนในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวง ซึ่งเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าได้มีการลำเลียงไม้ที่ตัดออกไปนอกพื้นที่แล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการ
นายประยงค์ มานัสการ รักษาการหัวหน้าหน่วยรักษาป่าที่ นค.2 (หนองหลวง) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ลงมาตรวจสอบพบไม้แปรรูปคือไม้ประดู่ และ พญาสัตบรรณหรือต้นตีนเป็ด ซึ่งสถานที่นี้เป็นที่ราชพัสดุ การที่จะตัดไม้ต้องทำหนังสือขออนุญาตที่ราชพัสดุจากนั้นก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจสอบถึงจะดำเนินการได้ ในกรณีนี้ไม่มีการทำหนังสือขออนุญาตมาที่ป่าไม้ ซึ่งหากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
นางจันทร์เพ็ญ พาพันธ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 9 กล่าวว่า ต้นไม้ที่ถูกตัดมีอายุร่วม 100 ปี โดยเป็นต้นไม้ที่เกิดเองตามธรรมชาติ มีคุณค่าทางจิตใจต่อชุมชน โดยการตัดไม้ไม่ได้มีการแจ้งผู้นำชุมชน แจ้งให้ชาวบ้านทราบ เพื่อให้มีส่วนร่วม ซึ่งตนจะได้รายงานให้ทางอำเภอทราบต่อไป
ด้าน ชาวบ้านในพื้นที่ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า ประมาณวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 – 31 กรกฎาคม 2568 มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลได้ทำการตัดต้นไม้ภายในพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวง โดยอ้างว่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวงเป็นผู้สั่งให้ตัด ซึ่งเป็นทรัพย์สินของราชการและใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ได้แก่ ต้นประดู่ จำนวน 4 ต้น (จัดเป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก. ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530) และต้นตีนเป็ด จำนวน 1 ต้น
การดำเนินการดังกล่าว ไม่มีการติดป้ายประกาศอนุมัติหรือเอกสารแจ้งให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้า และไม่มีหลักฐานแสดงการขออนุญาตจากหน่วยงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ปรากฏข้อสงสัยว่า ไม้ที่ถูกตัดได้ถูกขนย้ายออกไปยังพื้นที่ต่างอำเภอ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการอนุญาตหรือประกาศจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งอาจเข้าข่ายไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดโดยต้นประดู่ในพื้นที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวง ซึ่งคาดว่ามีอายุมากกว่า 50 ปี ถือเป็นไม้ที่มีทั้งคุณค่าทางสิ่งแวดล้อมและเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและจิตใจของชุมชน การตัดไม้โดยมิได้มีการปรึกษาหารือหรือชี้แจงต่อชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อาจสร้างความสะเทือนใจและความขัดแย้งในชุมชน เหตุการณ์การลงนามย้อนหลังในเอกสารราชการ
ภายหลังจากการตัดไม้ดังกล่าว เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 มีการจัดประชุมเฉพาะบุคคล โดยเชิญอาสาสมัครสาธารณสุข บางรายเข้าร่วม เพื่อขอให้ลงลายมือชื่อ เห็นชอบย้อนหลัง ในเอกสารราชการ โดยระบุเหตุผลว่าเป็นเพียงการ “ตัดแต่งกิ่ง”
ทั้งนี้ ตามความหมายทางวิชาการ “การตัดแต่งกิ่ง” หมายถึงการตัดเฉพาะกิ่งที่แห้ง กิ่งเสียหาย หรือกิ่งที่เกินความจำเป็น เพื่อให้ต้นไม้ยังคงมีเรือนยอดหรือกิ่งที่สามารถสังเคราะห์แสงและเจริญเติบโตต่อไปได้แต่จากภาพที่ปรากฏพบว่าต้นประดู่ต้นที่ 1–3 ถูกตัดจนเหลือเพียงตอและลำต้นหลัก และต้นประดู่ต้นที่ 4 ถูกโค่นจนเหลือเพียงตอ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 48 ซม. จึงเข้าข่าย ‘การโค่นทำลายไม้” ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งต้นไม้ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมหรือใกล้ตาย หากแต่ยังมีความสมบูรณ์ทางชีวภาพ ใบเขียวสด ระบบรากและลำต้นแข็งแรง และยังทำหน้าที่เป็นร่มเงาธรรมชาติให้แก่พื้นที่โดยรอบ ไม่ปรากฏว่ามีสภาพที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน และหากมีการอ้างว่าการโค่นไม้ดังกล่าวเป็นไปเพื่อจัดทำเฟอร์นิเจอร์ใช้ในหน่วยงาน ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังหลวง ไม่ได้มีความขาดแคลนเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ หรือเก้าอี้แต่อย่างใด จึงไม่อาจถือเป็นเหตุจำเป็น
การดำเนินการโค่นจนเหลือเพียงตอ จึงไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นการ “ดูแลรักษาความปลอดภัย” หรือ “ตัดแต่งกิ่ง” ตามความหมายที่ถูกต้อง มีการแจ้งในที่ประชุมรวมถึงแนบเอกสารการประชุมว่าเป็นการตัดต้นประดู่เพียงแค่ 3 ต้น เท่านั้น ทั้งที่ข้อเท็จจริงต้นประดู่ที่ถูกตัดไป มีจำนวนทั้งหมด 4 ต้น และยังมีต้นตีนเป็ดถูกตัดเพิ่มเติมอีก 1 ต้น ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาในลักษณะที่ไม่ครบถ้วนและไม่ตรงต่อข้อเท็จจริง อันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และทำให้เอกสาร ที่จัดทำขึ้นไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ ในเอกสารที่จัดทำขึ้นยังมีการระบุว่ามติที่ประชุมเป็นการเห็นชอบ โดยลงลายมือชื่อไว้อีกด้วย ซึ่งจากข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ที่ต้องลงลายมือชื่อดังกล่าวอาจยังไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องเพียงพอในการพิจารณา จึงทำให้เอกสารที่จัดทำขึ้นอาจไม่สะท้อนข้อเท็จจริงอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีลักษณะเป็นการจัดทำเอกสารให้ลงนามย้อนหลังภายหลังเหตุการณ์แล้วเสร็จ.