นางสาวปิยะพิดา อายุ 16 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้ที่พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุเพราะอยากให้จับคนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงตนให้ได้ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 14 พ.ย. 2567 บริเวณถนนสายสังคม-นายูง บ้านนาขาม ต.แก้งไก่ อ.สังคม จ.หนองคาย ขณะที่ตนพร้อมด้วยเพื่อนคือ นายณัฐภูมิ โทมนัส อายุ 18 ปี ที่อยู่ 19 หมู่ 4 ต.เลยวังไสย์ อ.ภูหลวง จ.เลย พร้อมเพื่อนอีก 2 คน ขับรถจักรยานยนต์กลับจากกินก๋วยเตี๋ยวในเขตเทศบาลตำบลสังคม และกำลังเดินทางกลับลานยางที่ทำงานในพื้นที่ ต.แก้งไก่ อ.สังคม

เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุเหตุที่ห่างจากที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแก้งไก่ ประมาณ 200 เมตร ได้มีชายวัยรุ่น ขับ จยย. ไม่ทราบรุ่น ยี่ห้อ ขึ้นมาประกบก่อนมองหน้า จากนั้นได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ทันที 1 นัด ก่อนขับผ่านไปยิงขึ้นฟ้าอีก 1 นัด และหลบหนีไป ตอนแรกตนไม่คิดว่าจะถูกยิง พอมาถึงที่ลานยาง มีเลือดไหลออกบริเวณก้าน จึงรู้ว่าถูกยิง ญาติๆจึงพานำส่งโรงพยาบาลสังคม และถูกส่งต่อไปที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ โดยกระสุนถูกบริเวณก้นด้านขวาเป็นกระสุนปืนลูกปราย 3 นัด และก้นด้านซ้ายอีก 4 นัด โดยแพทย์นัดผ่าตัดเอากระสุนออกอาทิตย์หน้า

“ที่ตนนำผู้สื่อข่าวมาดูที่เกิดเหตุในครั้งนี้อยากให้เจ้าหน้าที่จับกุมคนก่อเหตุให้ได้เร็วๆ เพราะไม่อยากให้ไปก่อเหตุแบบนี้กับใคร ตนไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้” นางสาวปิยะพิดา กล่าว

ด้าน นายณัฐภูมิ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ตนก็พา นางสาวปิยะพิดา พร้อมเพื่อนเดินทางกลับที่ลานยาง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีชายวัยรุ่น 2 คน ขับรถขึ้นมามองหน้าก่อนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ทันที ก่อนขับหนีไปและยังยิงขึ้นฟ้าอีก 1 นัด ตอนแรกไม่คิดว่าจะมีใครถูกยิง เพราะเหตุการณ์เกิดเร็วมาก แต่เมื่อกลับมาถึงลานยางถึงรู้ว่า นางสาวปิยะพิดา ถูกยิงเข้าบริเวณก้น ตนยืนยันว่าไม่เคยมีเรื่องกับใคร อีกทั้งตนกับ นางสาวปิยะพิดา ก็เป็นคน จ.เลย มาทำมาหากินในพื้นที่ อ.สังคม จ.หนองคาย ไม่รู้จักใครนอกจากเพื่อนร่วมงาน ไม่คิดว่าจะมาเจอแบบนี้

พ.ต.อ.อลงกรณ์ เสนีย์รณฤทธิ์ ผกก.สภ.สังคม กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 14 พ.ย. 2567 หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังคม ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุในทันที และไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแต่ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเส้นทางจุดเกิดเหตุกล้องมีน้อยมาก และกล้องของทางราชการก็ไม่ค่อยมี ทำให้การติดตามผู้ก่อเหตุยากขึ้น ในขณะนี้ได้เรียกพยานมาสอบสวนหลายคนแล้ว และได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ทุกวันเพื่อหาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่าตำรวจเร่งดำเนินการเวลาตั้งแต่เกิดเหตุ และจะสืบสวนเพื่อจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตารมกฎหมายให้ได้.