ต่อมาได้มี พระสุรสิทธิ์ ฐิตะปัญโญ พระลูกวัดหนองบัวทอง ได้ออกมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งสื่อมวลชน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำภาพ พระครูวิบูลกิจโกศล ให้ดูและสอบถามว่าพระครูวิบูลกิจโกศล ได้มาจำวัดอยู่ที่วัดหนองบัวทองหรือไม่ โดย พระสุรสิทธิ์ ฐิตะปัญโญ พระลูกวัดหนองบัวทอง ได้ชี้ภาพยืนยันว่าใช่พระครูวิบูลกิจโกศล แน่นอน พร้อมเล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนฟังว่า ช่วง 4-5 วันที่ผ่านมาได้มีพระซึ่งเป็นชาวบ้านโคกถาวร ต.นาข่า ที่บวชอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี พาพระวัยชราซึ่งตอนแรกก็ไม่ทราบว่าคือพระครูวิบูลกิจโกศล ที่เป็นประเด็นข่าว ทางวัดเห็นว่าเป็นพระชรามีพรรษาเยอะ จึงได้จัดกุฏิให้พัก ซึ่งพระที่พามาแจ้งกับทางวัดว่าจะมาขอจำวัดอยู่ที่วัดหนองบัวทอง ซึ่งทางวัดก็อนุญาตเพราะเห็นเป็นพระชราไม่ได้รู้เลยว่าเป็นพระที่ตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้

“เห็นเป็นพระชรา มีพรรษาเยอะ ทางวัดจึงได้จัดกุฏิให้พัก โดยได้พักอยู่ที่วัด 3-4 วัน และวานนี้ (30 พ.ค. 67) ได้มีรถมารับออกจากวัดไปและไม่กลับมาอีกเลย ซึ่งทางวัดก็ไม่รู้ว่ารับไปที่ไหนกัน” พระสุรสิทธิ์ บอกกับเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าว

ด้านนางเอ นามสมมุติ (ขอสงวนชื่อนามสกุล) บอกกับผู้สื่อข่าวว่าที่ชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่าเป็นพระครูวิบูลกิจโกศล (หลวงพ่อแก่งศรีโคตร) อายุ 85 ปีเจ้าอาวาสวัดบ้านแก่งศรีโคตร และที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลโนนก่อเขต 2 ตำบลโนนก่อ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากได้มีการนำใบกำหนดการทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ 7 รอบ ของพระครูวิบูลกิจโกศลมาให้ชาวบ้านร่วมทำบุญ โดยชาวบ้านบางส่วนจำได้ว่าชื่อคลับคล้ายกับพระที่เกิดประเด็นทำอนาจารด้วยการดูดอวัยวะเพศ ขณะที่บวชสามเณรภาคฤดูร้อน เมื่อต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา จึงทำการตรวจสอบในสื่อสังคมออนไลน์รวมทั้งข่าวสารที่ถูกนำเสนอและพบว่าเป็นพระครูวิบูลกิจโกศล จึงเกิดความไม่สบายใจว่าจะมาขอจำวัดที่วัดหนองบัวทอง บ้านโคกถาวร ต.นาข่า อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย เพราะเรื่องที่เกิดที่ จ.อุบลราชธานี ก็ยังไม่รู้ว่าได้แก้ปัญหากันอย่างไรแล้วบ้าง หากแก้ปัญหาทางนั้นทั้งเรื่องคดีความ เรื่องทางสงฆ์เสร็จ ชาวบ้านก็ไม่ติดใจหากจะมาจำวัดในพื้นที่เพราะเห็นเป็นพระที่ชรา และมีพรรษาที่มาก จึงได้แจ้งสื่อมวลชนกับทางตำรวจเข้ามาตรวจสอบเพื่อให้เกิดความสบายใจกับชาวบ้าน แต่ทราบว่าภายหลังที่ทางลูกศิษย์ พระครูวิบูลกิจโกศล รู้ว่าชาวบ้านทราบเรื่องนี้ได้แอบออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว และไม่รู้ว่าหลบไปที่ไหน

ด้าน พ.ต.อ.ประเสริฐ ธรรมชัย ผกก.สภ.ท่าบ่อ กล่าวว่า เบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบทางคดีกับ สภ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ว่าคดีมีการรับแจ้งความ หรือมีการออกหมายจับหรือยัง ตอนนี้ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา หากมีการดำเนินคดีตำรวจ สภ.ท่าบ่อ ก็พร้อม ดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้วเมื่อมีผู้กระทำผิดจากพื้นที่อื่นเข้ามาในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ และในวันนี้เพื่อความสบายใจของชาวบ้านจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบก่อน.