นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย โดยได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดหนองคาย เพื่อรับทราบประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีการศุลกากร การค้าชายแดน และการพัฒนา One Stop Service ระหว่างไทย – ลาว – จีน ซึ่งภาคเอกชนในจังหวัดหนองคาย ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีผลักดันให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการแก้ระเบียบกฎหมายที่ยังเป็นอุปสรรค และเร่งดำเนินการโครงการก่อสร้างสะพานฯ แห่งที่ 2 ให้เสร็จพร้อมกับการก่อสร้างสถานีรถไฟ
นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย โดยได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดหนองคาย เพื่อรับทราบประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีการศุลกากร การค้าชายแดน และการพัฒนา One Stop Service ระหว่างไทย – ลาว – จีน ซึ่งภาคเอกชนในจังหวัดหนองคาย ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีผลักดันให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการแก้ระเบียบกฎหมายที่ยังเป็นอุปสรรค และเร่งดำเนินการโครงการก่อสร้างสะพานฯ แห่งที่ 2 ให้เสร็จพร้อมกับการก่อสร้างสถานีรถไฟ
เมื่อเวลาประมาณ 10.25 น. วันที่ 9 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมรองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ได้เดินทางโดยรถไฟจากสถานีรถไฟอุดรธานี มาถึงสถานีรถไฟนาทา ต.หนองกอมเกาะ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย โดยได้รับฟังข้อมูลและเยี่ยมชมย่านกองเก็บตู้สินค้า (Container Yard:CY) ก่อนจะเดินทางต่อโดยรถไฟไปยังสถานีรถไฟหนองคาย ซึ่งมีประชาชนเดินทางมารอรับเป็นจำนวนมากกว่า 300 คน พร้อมกันนี้ยังมีตัวแทนประชาชน เกษตรกร และกลุ่มมวลชน ยื่นหนังสือปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการ ให้กับนายกรัฐมนตรี
จากนั้นนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางไปที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 จังหวัดหนองคาย หรือด่านพรมแดนหนองคาย โดยได้เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดหนองคาย ที่ห้องประชุมชั้น 2 ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เพื่อรับทราบประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีการศุลกากร การค้าชายแดน และการพัฒนา One Stop Service ระหว่างไทย – ลาว – จีน ซึ่งภาคเอกชนในจังหวัดหนองคาย ได้ขอให้นายกรัฐมนตรีผลักดันให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการแก้ระเบียบกฎหมายที่ยังเป็นอุปสรรค และเร่งดำเนินการโครงการก่อสร้างสะพานฯ แห่งที่ 2 ให้เสร็จพร้อมกับการก่อสร้างสถานีรถไฟ นอกจากนี้แล้วยังมีในเรื่องของการที่จะให้รัฐบาลช่วยผลักดันในการสร้างมหาวิทยาลัยในพื้นที่จังหวัดหนองคายเพื่อรองรับนักศึกษาจากลาว จีน เวียดนามที่กำลังนิยมเข้ามาศึกษาในประเทศไทยด้วย
สำหรับจังหวัดหนองคาย มีจุดผ่านแดนถาวร 3 จุดและจุดผ่อนปรน 4 แห่งในพื้นที่ 4 อำเภอ มีมูลค่า 86,600 ล้านบาท มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนผ่านสำนักศุลกากรหนองคาย มูลค่าสินค้าผ่านแดนขาเข้าและขาออกรวมปี 2564 มีมูลค่า 65 ล้านบาท ปี 2565 มีมูลค่า 139 ล้านบาท และปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 141 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สินค้านำเข้าและส่งออกทางรถไฟขาออกมีมูลค่ารวม 717 ล้านบาท เป็นทุเรียนถึง 686 ล้านบาท สินค้าขาเข้าจากจีนมีมูลค่ารวม 749 ล้านบาท เป็นปุ๋ยถึง 510 ล้านบาท ขณะที่จำนวนตู้คอนเทนเนอร์สินค้านำเข้าและส่งออกทางรถไฟที่จังหวัดหนองคายในปี 2565 มี 256 ตู้ ขณะที่ปี 2566 มีเพิ่มขึ้นถึง 1,884 ตู้
ในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางไป ไหว้สักการะหลวงพ่อพระใส พระคู่บ้านคู่เมืองหนองคาย ณ พระอุโบสถวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง และยังได้กรามนมัสการพระเทพวชิรคุณ เจ้าคณะจังหวัดหนองคาย / เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง โดยมีประชาชนเดินทางมารอรับเป็นจำนวนมาก
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการประชุมฯ ว่า วันนี้เดินทางจากจังหวัดอุดรฯ มาจังหวัดหนองคาย เพื่อดูจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าศุลกากร เนื่องจากจังหวัดหนองคายเป็นประตูเศรษฐกิจที่มีความสำคัญจุดหนึ่ง จะเห็นได้จากมูลค่าการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านจากประเทศไทย ไปยัง สปป.ลาว จนถึงจุดมุ่งหมายที่จีนเป็นเรื่องที่ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางศุลกากร ทางการเกษตร และทางคมนาคม รถไฟรางคู่ที่จะต้องมา จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า สะพานที่จะต้องมีการยกระดับขึ้นมาให้รับน้ำหนักได้มากขึ้น ถือว่ามีประเด็นที่เยอะมาก
ส่วนการพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟนาทานั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงต้องใช้เวลาและต้องนับหนึ่งใหม่ หลังเดินทางกลับไปก็จะได้มีการประชุมในเรื่องนี้กัน รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม จะเป็นโต้โผหลักในการประชุมพิจารณา ร่วมกับคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปอีกว่า จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอุดรฯ เป็นเมืองที่ใหญ่ในเขตอีสานตอนบน เป็นเมืองท่าทั้งสองจังหวัด มีสนามบินถือว่ามีศักยภาพสูงในการที่จะพัฒนาต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม เช่นที่จังหวัดอุดรฯ ก็จะมีการสร้างเขตอุตสาหกรรมขึ้นมา มีสินค้าหลายอย่างที่ยังไม่สามารถดึงศักยภาพอย่างเต็มที่ออกมาใช้ได้ การเดินทางมาครั้งนี้ได้พบปะกับหลายภาคส่วน มารับฟังปัญหา ซึ่งตรงนี้ก็มีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก ในส่วนของรถไฟรางคู่จากจังหวัดขอนแก่นมาจังหวัดหนองคาย เข้า ครม.อีกครั้งก็น่าจะจบ เพราะมีเรื่องเดิมและมีการกันงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนเรื่องหนึ่งและใช้งบประมาณไม่มากนัก แต่ว่าจะทำให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาล ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กันไปกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า สะพานรับน้ำหนักได้มากขึ้น การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว เพื่อให้การดำเนินการมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมไปถึงต้องมี One Stop Service ด้วย
เป้าหมายในการเชื่อมโยงการค้านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ได้มีการรวบรวมกันหลายภาคส่วน ทั้งการคมนาคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถไฟรางคู่ จากขอนแก่นมาจังหวัดหนองคาย จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ต้องมีความทันสมัย และต้องแข่งกับ สปป.ลาวด้วย การเจราการค้าระหว่างประเทศที่ต้องดำเนินการให้ขนถ่ายสินค้าเป็นไปได้ด้วยดี การก่อสร้างก็ยังต้องมีอีกเยอะมาก ก็หวังว่าจะได้กลับมาที่หนองคายอีกครั้งในช่วงปลายเดือนหน้า เพื่อมาติดตามความคืบหน้าต่าง ๆ
ในเรื่องของการลงพื้นที่แล้วมีการของบประมาณนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในเรื่องงบประมาณไม่อยากให้เป็นเรื่องยุ่งยาก ทุก ๆ หน่วยงาน ทุก ๆ ภาคส่วน ประชาชนทุกจังหวัดก็มีความต้องการการพัฒนาต่อไป เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลเอง กระทรวงทบวงกรมทุกแห่งที่ต้องมีการจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม เรียงลำดับความสำคัญให้ดี ดูเรื่องงบประมาณให้ดี ดูงบประมาณที่อนุมัติไปแล้วก็อย่าให้มีการเพิ่มมากขึ้น ต้องช่วยกันบริหารจัดการให้งบประมาณให้อยู่ในกรอบที่ทำได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้มีปัญหาในเรื่องวินัยของการเงินการคลังอีก ทางรัฐบาลเองก็ทราบดีและตระหนักดีว่าประชาชนมีความเดือดร้อนค่อนข้างมาก ความเดือดร้อนก็ต้องแก้ไขด้วยการจัดสรรงบประมาณออกไป ตรงนี้จึงต้องตระหนักดี การแก้กฎ นโยบายบางอย่าง โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ ก็สามารถให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความต้องการของภาคเอกชนในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศนั้น ว่าก็อย่างที่เรียนไปแล้วว่า มีอยู่หลายเรื่อง เช่นในเรื่องของโลจิสติกส์ ที่ต้องมีการปรับปรุงขึ้นมา เรื่องของ One Stop Service ที่ต้องมีการพูดคุยกัน และเรื่องของการสนับสนุนการท่องเที่ยว
ส่วนกรณีของงานวันพืชสวนโลกนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหลือเวลาอีก 3 ปีก็จริงแต่ตนคิดว่าต้องดูให้ดี เพราะหากสร้างไม่ทันก็จะเป็นปัญหา งบประมาณเดิม 2 พันกว่าล้าน เพิ่มอีก 3 พันกว่าล้านหลาย ๆ ฝ่ายก็มีความกังวลว่างบประมาณที่เพิ่มขึ้นเยอะ แต่ทาง อบจ.ก็ได้บอกว่าเป็นคนที่นำเสนอ ถ้าเป็นแบบนี้ตนคิดว่าทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันดู ให้มีความเหมาะสม ช่วยกันลดค่าใช้จ่าย ให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่สามารถทำได้ หากเพิ่มไม่มากก็คงสามารถพิจารณาได้ ที่สำคัญที่สุดคือจุดเริ่มต้นก็จะต้องเริ่มแล้วถ้าไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ทัน นอกจากปัญหาปากท้องของประชาชนแล้ว ปัญหายาเสพติดก็เป็นปัญหาที่มีความสำคัญ ในส่วนของความพร้อมในการแถลงนโยบายนั้น ขณะนี้ก็มีความพร้อม
ส่วนการแจกงบเกี่ยวข้องกับคะแนนนิยมของแต่ละพรรคนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเข้ามาทำงานนี้เพื่อประชาชน เรื่องคะแนนนิยมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด
ในส่วนของการชี้แจงหรือแถลงนโยบายนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยกันชี้แจง สิ่งไหนที่ช่วยกันตอบได้ก็ต้องช่วยกันตอบ นโยบายอาจจะตรงกันหรือไม่นั้นก็ต้องขอฟังในวันนั้นก่อน
การจัดประชุม ครม.สัญจรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ตนได้ลงพื้นที่ภาคอีสานครั้งนี้ ได้รับทราบถึงปัญหาจริง ๆ ดูจากแววตาแล้วพบว่าประชาชนเดือดร้อนจริง ๆ มาจังหวัดที่เจริญที่สุดในภาคอีสานแล้ว ทั้งขอนแก่น อุดรฯ และหนองคายที่เป็นจังหวัดเล็กแต่รายได้สูงเป็นอันดับที่ 4 ของภาค ได้เห็นว่าแม้จะเป็นจังหวัดที่เจริญแล้วก็ยังมีความยากลำบาก ดูได้จากแววตาของประชาชน ตนเองก็ได้รับคำถามหลายครั้งเกี่ยวกับ ครม.นอกสถานที่ ก็ได้มีการคุยกันกับ เลขาฯ รองนายกฯ ว่าถ้าจะมี ครม.สัญจร คาดว่าจะมีไม่เกินเดือนพฤศจิกายน จังหวัดแรกที่ควรจะไปคือจังหวัดหนองบัวลำภู เพราะเป็นจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่ำที่สุด จึงอยากไปเริ่มในจุดที่ต่ำที่สุด ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของภัยแล้ง และเรื่องของยาเสพติด เพราะเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกเหลือเกินในภาคอีสาน รัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญตรงจุดนี้
สุดท้ายในเรื่องของการเลื่อนตำแหน่งแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตนได้ให้นโยบายเกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่ง ให้ดูที่ความสามาร ความซื่อสัตย์สุจริต การซื้อขายตำแหน่ง การใช้เส้นสาย การให้นายทุนมามีส่วนร่วมในการโยกย้ายตำแหน่ง เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ดูที่ความเหมาะสม เดี๋ยวจะทำให้ขวัญและกำลังใจของข้าราชการเสีย ซึ่งนโยบายดี ๆ ของรัฐบาล 11 พรรคจะดำเนินการไปไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือ หรือเห็นด้วย ขับเคลื่อนจากภาคราชการ ซึ่งตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือ วันนี้ที่ได้ลงพื้นที่มาก็เห็นความเป็นปึกแผ่นข้าราชการที่อยากจะให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้และมีการพัฒนาต่อไปควบคู่ไปกับนโยบายที่ดีของรัฐบาล.