สุดฉาว!!! ภายหลังจากที่ เจ้าหน้าที่ชุดสนธิกำลัง อ.สังคม จ.หนองคาย จับกุมผู้ต้องหาชาย 1 ราย ชาวบ้านตาดเสริม ต.บ้านม่วง ลักลอบทำไม้ประดู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว-แก้งไก่ ขณะจับกุมสื่อมวลชนร่วมตรวจสอบทุกขั้นตอนและพบการทำผิดกฎหมายชัดเจน แต่เมื่อลงบันทึกจับกุมเครื่องจักของกลางที่ร่วมทำความผิดรถแบคโฮ 2 คัน หายจากบันทึกจับกุม อ้างผู้ใหญ่ขอมาไม่อยากให้เรื่องยาวและให้ผู้ต้องหารับสารภาพไปก็จบ สื่อตรวจสอบพบพิรุธเพียบรถแบคโฮขุดไม้ขึ้นมาแปรรูป และขนไม้ขึ้นรถบรรทุก ก่อนนำไปมอบให้วัด เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนตามไปที่วัด เจ้าอาวาสแจ้งมีคนนำมาบริจาคพอทราบข้อเท็จจริงเร่งให้ขนไม้ออกจากวัดทันที เมื่อทำบันทึกจับกุมของกลางรถแบคโฮหาย จี้กรมป่าไม้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบด่วน

สุดฉาว!!! ภายหลังจากที่ เจ้าหน้าที่ชุดสนธิกำลัง อ.สังคม จ.หนองคาย จับกุมผู้ต้องหาชาย 1 ราย ชาวบ้านตาดเสริม ต.บ้านม่วง ลักลอบทำไม้ประดู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว-แก้งไก่ ขณะจับกุมสื่อมวลชนร่วมตรวจสอบทุกขั้นตอนและพบการทำผิดกฎหมายชัดเจน แต่เมื่อลงบันทึกจับกุมเครื่องจักของกลางที่ร่วมทำความผิดรถแบคโฮ 2 คัน หายจากบันทึกจับกุม อ้างผู้ใหญ่ขอมาไม่อยากให้เรื่องยาวและให้ผู้ต้องหารับสารภาพไปก็จบ สื่อตรวจสอบพบพิรุธเพียบรถแบคโฮขุดไม้ขึ้นมาแปรรูป และขนไม้ขึ้นรถบรรทุก ก่อนนำไปมอบให้วัด เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนตามไปที่วัด เจ้าอาวาสแจ้งมีคนนำมาบริจาคพอทราบข้อเท็จจริงเร่งให้ขนไม้ออกจากวัดทันที เมื่อทำบันทึกจับกุมของกลางรถแบคโฮหาย จี้กรมป่าไม้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบด่วน

 

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสนธิกำลังประกอบด้วย หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ นค.1 (สังคม) ,เจ้าหน้าที่ทหารพราน ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังคม ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางิ้ว และ นายเรืองรัตน์ เศษจำปา ผู้ใหญ่บ้านบ้านตาดเสริม ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว-แก้งไก่ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านตาดเสริมห่างจากหมู่บ้านประมาณ 800 เมตร ภายหลังจากที่ นายเรืองรัตน์ เศษจำปา ผู้ใหญ่บ้านบ้านตาดเสริม ได้แจ้งว่ามีการนำเครื่องจักรประกอบด้วยรถแบคโฮจำนวน 2 คันเข้ามาปรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว-แก้งไก่

ต่อมาได้มีการทำบันทึกจับกุม นายสุรชาติ กันทพันธุ์ อายุ 58 ปี ที่อยู่ 129 หมู่ 1 บ้านตาดเสริม ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย  ของกลางไม้ประดู่ท่อนจำนวน 5 ท่อน ปริมาตรรวม 1.337 ลบ.ม. มูลค่าไม่ของกลางจำนวน 46,795 บาท  แจ้งข้อหา พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ฐานทำไม้กระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ,มาตรา 11 ฐานทำไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ มาตรา 69 ฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ซึ่งจากการตรวจสอบของสื่อมวลชนพบว่าเครื่องจักรที่ใช้กระทำความผิดคือรถแบคโฮจำนวน 2 คันไม่ได้ถูกลงในบัญชีของกลางที่ตรวจยึดแต่อย่างใด ซึ่งจากการตรวจสอบของสื่อมวลชนมีรายละเอียดการดเนินการต่อเรื่องนี้คือ

 

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้สื่อข่าวพร้อมด้วย ร.ต.เนตร สติมั่น รอง ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2104 ฉก.ทพ.21 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารพราน ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังคม, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางิ้ว และ นายเรืองรัตน์ เศษจำปา ผู้ใหญ่บ้านบ้านตาดเสริม ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว-แก้งไก่ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านตาดเสริมห่างจากหมู่บ้านประมาณ 800 เมตร ภายหลังจากที่ นายเรืองรัตน์ เศษจำปา ผู้ใหญ่บ้านบ้านตาดเสริม ได้แจ้งว่ามีการนำเครื่องจักรประกอบด้วยรถแบคโฮจำนวน 2 คันเข้ามาปรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าพานพร้าว-แก้งไก่

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบคนงานพร้อมรถแบคโฮจำนวน 2 คัน กำลังปรับพื้นที่ โดยพบว่ามีร่องรอยการขุดตอไม้หายไป 1 ต้น และอีก 1 ต้นมีการขุดหลุมรอบลำต้นเพื่อเตรียมขุด ตรวจสอบพบเป็นไม้ประดู่ ซึ่งคนงานที่เข้ามาดำเนินงานพื้นที่ได้ยอมรับกับเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนว่าได้นำรถแบคโฮขุดต้นประดู่ขึ้นมาแล้ว 1 ต้น ก่อนให้เจ้าของพื้นที่แปรรูปไม้เป็นท่อน ส่วนอีก 1 ต้นได้ขุดหลุมรอบบริเวณเพื่อเตรียมขุด แต่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบก่อน

 

ต่อมามี นายสุรชาติ กันทพันธุ์ นางดรุณี กันทพันธุ์ สามีภรรยาอ้างเป็นผู้ดูแลพื้นที่ ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนว่า การนำรถแบคโฮมาปรับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ ดังกล่าว เป็นการดำเนินงานจัดระบบอนุรักษ์ดินและน้ำในพื้นที่จัดที่ทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล (คทช.) ปีงบประมาณ 2566 พื้นที่ดำเนินการ หมู่ 1 บ้านตาดเสริม ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย เป้าหมาย 233.6 ไร่ งบประมาณ 337,000 บาท ดำเนินงานโดยสำนักงานพัฒนาที่ดินหนองคาย  สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้มีการนำเอกสารมาให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนได้ตรวจสอบดู

ซึ่งจากการสอบถาม นายเรืองรัตน์ เศษจำปา ผู้ใหญ่บ้านบ้านตาดเสริม ต่อการดำเนินการเรื่องดังกล่าวผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านทราบเรื่องหรือไม่ ซึ่ง นายเรืองรัตน์ เศษจำปา ผู้ใหญ่บ้านบ้านตาดเสริม ได้แจ้งว่าไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่ามีการดำเนินงานโครงการดังกล่าว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโดยเข้าใจว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ฯ โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบถามว่าไม้ที่ถูกขุดนำไปเก็บไว้ที่ไหน ซึ่งคนขับรถแบคโฮได้แจ้งว่านำขึ้นรถบรรทุกไปมอบให้กับวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านตาดเสริม

จากนั้นเวลา 20.00 น. (20 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพร้อมสื่อมวลชนได้เดินทางไปที่วัดป่าภูหลักหมื่น บ้านตาดเสริม ต.บ้านม่วง ซึ่งไม้ประดู่ของกลางถูกนำขึ้นรถบรรทุกนำมามอบให้กับทางวัดและได้แจ้งกับทางวัดว่าเป็นไม้ที่นำมาบริจาค เป็นไม้ถูกกฎหมาย โดยพบไม้ถูกนำมากองไว้ที่ด้านหลังวัด ซึ่งพระในวัดได้ออกมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่ามี นายสุรชาติ กันทพันธุ์ นำไม้ใส่รถบรรทุกมามอบให้กับทางวัดโดยต้องการบริจาคไม้ก่อนขนไม้ลงจากรถ ซึ่งทางวัดไม่รู้ว่าเป็นไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ หากทราบจะไม่ขอรับไว้ และได้แจ้งให้ นายสุรชาติ กันทพันธุ์ มาขนไม้ออกจากวัดในทันที

จากนั้นวันที่ 21 พ.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ได้เชิญนายวิชัย ทองขวา ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินหนองคาย มาร่วมตรวจสอบและให้ข้อมูลก่อนลงบันทึกจับกุม นายสุรชาติ กันทพันธุ์ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา แต่ไม่ได้ลงบันทึกตรวจยึดรถแบคโฮจำนวน 2 คันที่เป็นของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดแต่อย่างใด

 

ซึ่งจากการตรวจสอบของสื่อมวลชนอย่างละเอียดพบว่าเหตุใดถึงไม่ลงบันทึกจับกุมตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. 2566 แต่มาลงบันทึกจับกุมเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2566 และไม่ยอมลงตรวจยึดของกลางคือรถแบคโฮจำนวน 2 คันซึ่งเป็นรถที่ใช้กระทำความผิดกฎหมายชัดเจน โดยสื่อมวลชนได้สอบถามกับหน่วยงานหนึ่งที่ร่วมจับกุมและเข้าตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. 2566 ทราบว่า การจับกุมและตรวจยึด จะให้นายสุรชาติ กันทพันธุ์ รับว่าเป็นคนตัดไม้ ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเท่านั้น จะไม่ระบุว่ารถแบคโฮเกี่ยวข้องกับเรื่องไม้ประดู่ในเขตป่าสงสวนแห่งชาติฯ แต่อย่างใด โดยอ้างว่าเป็นเครื่องจักรที่นำมาทำงานตามโครงการฯ เท่านั้นไม่ได้ร่วมทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ หากดำเนินการตรวจยึดรถแบคโฮด้วยจะกระทบกับหน่วยงานที่รับผิดชอบได้

ต่อกรณีดังกล่าวชาวบ้านในพื้นที่รวมทั้งสื่อมวลชนจึงอยากให้หน่วยงานส่วนกลาง โดยเฉพาะกรมป่าไม้ และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือหน่วยงานที่ตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริต เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เพราะถือเป็นการจับกุมและตรวจยึดที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และถือเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำความผิดให้ไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งๆที่ชาวบ้านและสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมตรวจสอบต่างทราบข้อเท็จจริงในการกระทำความผิด แต่เมื่อทำบันทึกจับกุมไม่ตรงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

ซึ่งกรณีดังกล่าวเครือข่ายสื่อมวลชนจังหวัดหนองคายจะได้เร่งติดตามข้อเท็จจริงและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.

 

กลับ กลับหน้าหลัก



ติดต่อเรา

Copyright © 2016 nongkhainewsonline : ข่าวออนไลน์หนองคาย