นายวิทย์ วันธานี อายุ 65 ปี ชาวบ้านหาดทรายทองที่ประกอบอาชีพจับปลาในแม่น้ำโขง บอกว่า ปกติชาวบ้านจะพบตะพาบน้ำที่ใกล้บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงที่มีหลุมลึกขนาดใหญ่ที่เกิดจากการดูดทรายไปทำเขื่อนป้องกันตลิ่ง ซึ่งบริเวณดังกล่าวจะลึกและมีเศษไม้จำนวนมาก ทำให้ตะพาบน้ำมาอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว อาหารของตะพาบน้ำก็จะเป็นปลาเน่าที่ไหลมากับน้ำ ก่อนหน้านั้นตะพาบน้ำจะอยู่ถัดออกไปจากจุดที่มีการดูดทราย ต่อมาจุดที่เคยอยู่น้ำตื้น จึงได้ย้ายมาอยู่จุดที่มีการดูดทรายไปเขื่อนป้องกันตลิ่งที่น้ำลึกกว่ามาก ชาวบ้านเคยเห็นขึ้นมาไข่บริเวณหาดทรายที่อยู่ใกล้ ๆ ในช่วงฤดูนี้

นายวิทย์ เล่าต่อไปอีกว่า สำหรับซากตะพาบน้ำที่พบครั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเบ็ดขนาดใหญ่เกี่ยวอยู่บริเวณต้นคอใกล้ขาหน้าด้านขวา ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเบ็ดของใคร ทำให้ตะพาบน้ำไปไหนไม่ได้จนตาย เบ็ดที่เกี่ยวผูกด้วยเส้นเอ็นเบอร์ 100 ที่มีขนาดใหญ่ทำให้ไม่ขาด มีเห็นก็ตอนที่ตายลอยขึ้นมาเหนือน้ำแล้ว ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยพบตะพาบน้ำขนาดใหญ่แบบนี้ในแม่น้ำโขงบริเวณนี้ ตัวนี้ถือเป็นตัวแรก ในเขตจังหวัดบึงกาฬ เคยมีคนจับได้ ในเขตนี้ถือเป็นตัวแรก มีน้ำหนักประมาณ 35 กก. อายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี คาดว่าตายมาแล้ว 3 – 4 วัน ส่วนตะพาบน้ำตัวเล็กชาวบ้านพบเห็นประจำน้ำหนักประมาณ 1 กก. ที่ติดตาข่ายดักปลามา ก็ปล่อยคืนในแม่น้ำโขง และยังมีคนเห็นว่ายังมีตะพาบน้ำขนาดใหญ่อยู่อีก 1 ตัว ใหญ่กว่าตัวนี้ เวลาชาวบ้านเห็นจะเห็นส่วนหัวที่ลอยตั้งอยู่เหนือน้ำ ส่วนใหญ่จะเจอในช่วงเย็น ๆ ออกมาลอยเล่นน้ำ ผึ่งแดด ชาวบ้านก็ไม่เคยรบกวนหรือไปรังแก แต่ตัวที่ตายนี้ไม่รู้ไปเกี่ยวกับเบ็ดใคร.