เมื่อท่านชวน เดินทางไปเยี่ยมเขื่อนได้ ก็ต้องมาเยี่ยมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนได้... “ก้านก่อง จันลอง” สาวบ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย เขียนจดหมายเชิญ “ชวน หลีกภัย” เยี่ยมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนไซยะบุรี

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2562 จดหมายเปิดผนึกฉบับหนึ่งถูกร่างขึ้นริมฝั่งแม่น้ำโขง ผู้ร่างคือ ก้านก่อง จันลอง เปรียบได้คือฝ่ายหนึ่งเป็นชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทำสวน ทำไร่ อยู่ในพื้นที่บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย อีกฝ่ายคือ ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรคนปัจจุบัน เนื้อหาในจดหมายเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงพื้นที่ 7 จังหวัดริมน้ำโขงภาคอีสาน เพื่อรับฟังความทุกข์ยากหลังประสบปัญหาแม่น้ำโขงท้ายเขื่อนไซยะบุรีเหือดแห้ง โดยมีเนื้อหาข้อความในจดหมายดังนี้

 

 

เรียน ฯพณฯ นายชวน  หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามที่ ฯพณฯ ได้ให้เกียรติเดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2562 ตามที่ปรากฏในโพสต์ของเพจ CK Power Public co., ltd. เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2562 ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนชาวบ้านกลุ่มรักษ์แม่น้ำโขง ที่ตั้งชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขงตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ซึ่งอยู่ท้ายโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีดังกล่าว ขอเรียนให้ ฯพณฯ ทราบว่านับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม 2562 เป็นต้นมาที่โรงไฟฟ้าไซยะบุรีได้ทดลองเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าจนกระทั่งถึงปัจจุบันต้องเผชิญกับความทุกข์ยากแสนสาหัสจากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงผิดปกติ โดยลดลงมากกว่า 10 เมตร แม้ว่าเป็นฤดูฝน นอกจากนั้นระดับน้ำยังผันผวนขึ้นลงรายวันผิดธรรมชาติทำให้ไม่สามารถทำการประมงที่เป็นอาชีพหลักได้และชุมชนต้องได้รับความเดือดร้อนจากการไม่มีปลา สำหรับการบริโภคในครัวเรือนนอกจากนั้นยังปรากฏว่าปรากฏว่าต้นไคร้ ซึ่งเป็นระบบนิเวศที่สำคัญของแม่น้ำโขงยืนต้นแห้งตาย สัตว์น้ำจำนวนมากทั้ง ปู หอย และปลาหลากหลายชนิดหนีลงร่องน้ำไม่ทันและตายตามหาดทราย

ขณะที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขงและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ไม่เคยลงพื้นที่มาดูข้อเท็จจริงและรับฟังความทุกข์ของชาวบ้านทั้งที่เป็นประเด็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ทั้งที่บ้านม่วงและที่ตั้งชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขง 7 จังหวัดในภาคอีสานและเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในระดับภูมิภาค ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นข้าพเจ้าและชาวบ้านตำบลบ้านม่วงจึงขอเรียนเชิญ ฯพณฯ  ในฐานะประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรได้โปรดลงพื้นที่เพื่อดูข้อเท็จจริงและพบปะกับชาวบ้านที่เดือดร้อนเพื่อดำเนินการต่อไปที่เป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวขอแสดงความนับถือ นางสาวก้านก่อง จันลอง ประธานกลุ่มคนรักษ์แม่น้ำโขง

 

ทั้งนี้นับตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนบนประเทศจีน ระดับน้ำโขงก็ไม่ขึ้นลงตามธรรมชาติ หลังสร้างเขื่อนไซยะบุรีในลาว สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย เนื่องจากตั้งอยู่ห่างชายแดน อ.เชียงคาน จ.เลย แค่ประมาณสองร้อยกิโลเมตร เขื่อนไซยะบุรีเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงแห่งแรกในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง หนังสือ “นิเวศ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมลุ่มน้ำโขง จากแก่งคุดคู้ถึงผาชันในกระแสการเปลี่ยนแปลง” จัดพิมพ์โดยเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบลลุ่มน้ำโขง 7 จังหวัดภาคอีสาน ระบุถึงสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรีว่าเขื่อนต้องส่งไฟฟ้าให้ไทยไม่ต่ำกว่าวันละ 8 ชั่วโมง รวมทั้งปีเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 10 ชั่วโมง ไม่รวมวันอาทิตย์ ในฤดูแล้งเขื่อนต้องปิดประตูระบายน้ำทุกบานเพื่อเก็บกักน้ำนาน 16 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับปล่อยน้ำผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้ได้ 8 ชั่วโมงต่อวัน คาดว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงแบบวันต่อวัน หรือแม้แต่ชั่วโมงต่อชั่วโมงได้มากถึง 5 เมตรในหนึ่งวัน ในหมู่บ้านที่อยู่ท้ายเขื่อนระยะ 40-50 กิโลเมตร ภายใน 1-2 ชั่วโมง ซึ่งยังอยู่ในเขตลาว ถึงช่วงที่ต้องเก็บกักน้ำนาน 16 ชั่วโมงต่อวัน ระดับน้ำท้ายเขื่อนจะลดและแห้งลงเป็นระยะทางประมาณ 258 กิโลเมตรซึ่งจะเข้าเขตไทย-ลาว ผ่าน อ.เชียงคาน ไปถึง อ.ปากชม จ.เลย ทำให้ระดับน้ำที่เชียงคานเปลี่ยนแปลงได้สูงสุด 1-2 เมตร และในเขตอุบลราชธานี จังหวัดสุดท้ายที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน เปลี่ยนแปลงได้ 0.5 เมตรต่อวัน

จดหมายเปิดผนึกของก้านก่องถูกร่างหลังทราบข่าวว่าเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2562 ฯพณฯ ชวน หลีกภัย เดินทางไปเยี่ยมชมการดำเนินงานเขื่อนไซยะบุรี วันที่ 14 ตุลาคม 2562 มีการเผยภาพถ่ายกับเจ้าหน้าที่และผู้บริหารเขื่อน ทั้งภาพหมู่บนจุดชมวิวมีแม่น้ำโขงและเขื่อนไซยะบุรีเป็นฉากหลัง ภาพภายในอาคารขณะรับฟังบรรยายสรุป เหตุการณ์เกิดก่อนสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับประเทศไทยอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้นวันที่ 29 ตุลาคม 2562

ภาพข่าวจากเพจ CK Power Public Co.,Ltd.

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก https://www.sarakadee.com/2019/10/29/letter-to-chuan/

 

กลับ กลับหน้าหลัก



ติดต่อเรา

Copyright © 2016 nongkhainewsonline : ข่าวออนไลน์หนองคาย