3 หญิงชาวหนองคายร้องสื่อช่วย!!! ถูกสาวแสบ นำรถยนต์และที่ดินไปจำนำ แต่พอไปขอไถ่ถอนรถ ก่อนพบว่ารถหายไปแล้วและเงินก็ยังไม่ส่งคืน พบมีผู้เสียหายหลายราย สื่อตรวจสอบพบมีนักการเมืองท้องถิ่นใน อ.โพนพิสัย อยู่ร่วมขบวนการ

3 หญิงชาวหนองคายร้องสื่อช่วย!!! ถูกสาวแสบ นำรถยนต์และที่ดินไปจำนำ แต่พอไปขอไถ่ถอนรถ ก่อนพบว่ารถหายไปแล้วและเงินก็ยังไม่ส่งคืน พบมีผู้เสียหายหลายราย สื่อตรวจสอบพบมีนักการเมืองท้องถิ่นใน อ.โพนพิสัย อยู่ร่วมขบวนการ

นางสาววันดี เสนารักษ์ อายุ 66 ปี ชาวบ้านวัดหลวง ต.วัดหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ,นางฉัตราวีร์ ปาณศรี อายุ 63 ปี ชาวบ้านวัดหลวง ต.วัดหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย และนางสาวประภาภรณ์ แก้วศิลา อายุ 42 ปี ชาวบ้านพระบาทนาสิงห์ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย หอบเอกสารเข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน หลังจากถูกขบวนการจำนำรถยนต์และที่ดิน ของนางสาวปูชิตา ลีนาราช อายุ 41 ปี ชาวบ้านวังหลวง ต.วังหลวง อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย นำรถไปจำนำต่อนายทุนในพื้นที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย และอำเภอปากคาด จ.บึงกาฬ แต่ยังไร้วี่แววว่าจะได้รถและเงินคืน

 

นางสาววันดี เสนารักษ์ เล่าว่า ตนได้ให้นางหนูเพียร สิงห์สถิตย์ นำรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า BT50  ทะเบียน บท 6537 หนองคาย ไปจำนำ ในราคา 30,000  บาท เดือนสิงหาคม 2562 กับ นายอุเทน พาภักดี  และต้องเสียดอกเบี้ยล่วงหน้า 3,000 บาท คงเหลือเงิน 27,000  บาท โดยตกลงกันไว้ว่า 3 เดือนจะไปไถ่ แต่เมื่อครบ 3 เดือนตนยังไม่มีเงินไปไถ่ แต่ยังมีการผ่อนดอกเบี้ยตลอดโดยตนจะฝากเงินให้นางหนูเพียรเป็นคนจ่ายดอกให้ แต่เมื่อจะไปไถ่รถกับนายอุเทน ถูกบอกว่านางหนูเพียรมารับรถไปแล้ว 1 เดือนที่แล้ว ตนจึงไปถามนางหนูเพียร ซึ่งนางหนูเพียรได้บอกว่ารถอยู่กับนายสมศรี เมื่อไปถามก็ถูกนายสมศรี บอกว่าให้ไปเอาเงินกับนางปูชิตา ลีนาราช หรือไก่ จำนวน 200,000 บาท ที่ยืมไปมาให้ตนก่อนจึงจะบอกว่ารถอยู่ไหน ตนก็ถามไปว่ามันไม่เกี่ยวอะไรที่ตนจะไปเอาเงินจากนางปูชิตามาให้ ซึ่งนายสมศรีก็ไม่บอกว่ารถตนอยู่ไหน ตนจึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.โพนพิสัย แต่ยังเงียบ ผ่านมา 1 ปีกว่าแล้วคดียังไม่คืบ จึงมาร้องสื่อให้เป็นสื่อกลางให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือติดตามรถกลับคืนมา ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ารถของตนอยู่ที่ไหน

 

ด้านนางฉัตราวีร์ ปาณศรี บอกว่า  นางสุภาวดี นาบุญ ซึ่งเป็นลูกสาวของตนได้ไปจำนองที่ดินกับนายสุชาติ วิทยเจษฎา ในราคา 250,000 บาท เมื่อเดือนเมษายน 2563 เพื่อไปทำร้านขายส้มตำ  โดยมีนางสุภีร์ กันธิมา และนางสาวปูชิตา ลีนาราช หรือไก่ เป็นนายหน้า จากนั้นทั้ง 2 คนได้ยืมเงินลูกสาวตน 100,000 บาท โดยสัญญาว่าจะเอาเงินมาคืนภายใน 3 วัน เมื่อติดต่อไปก็บอกว่าจะหามาคืนให้ ซึ่งผ่านมากว่า 1 ปีแล้วยังไม่นำเงินมาคืน จากนั้นนายสุชาติได้มาบอกว่าตนป่วยและธนาคารออมสินกำลังจะฟ้องตนจึงจะหานายทุนมาเปลี่ยนเป็นผู้รับจำนองแทนตน ซึ่งได้ตกลงกันว่าเป็นจำนองจะทำ หากขายฝากจะไม่ทำแต่เมื่อไปทำสัญญาจึงรู้ว่าเป็นการขายฝาก ซึ่งเพิ่มเงินจาก 250,000 บาท เป็น 300,000 บาทโดยนายสุชาติได้นำเงินส่วนของตนไปทั้งหมดซึ่งลูกสาวไม่ได้สักบาทและจ่ายค่าดอกล่วงหน้าให้ 3 เดือน เมื่อนำสัญญาใหม่ที่ทำไปแจ้งที่ สภ.โพนพิสัย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่ามันเป็นคดีแพ่งมันร้องเรียนแจ้งความกันไม่ได้ จึงได้ไปยืนหนังสือกับ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ให้ตนมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดหนองคาย โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการให้ จากนั้นได้นำเรื่องไปยังอัยการจังหวัดหนองคาย และส่งต่อให้ตำรวจที่ สภ.เมืองหนองคาย ดำเนินงานต่อ

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมนางสุภีร์ กันธิมา แล้วส่วนนางสาวปูชิตายังลอยนวล ตอนนี้ลูกสาวเดือดร้อนมากต้องไปกู้เงินนอกระบบมาจ่ายดอก  ซึ่งผ่านมา 5-6 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ส่งดอกเบี้ยเพราะไม่มีเงินไปจ่าย เมื่อตนทราบเรื่องว่าที่ดินจะถูกนายทุนยึด จึงได้มาร้องเรียนสื่อช่วยอีกทาง เพื่อติดตามเงิน 100,000 บาท จากนางสาวปูชิตา ลีนาราชมาคืนเพื่อจะได้นำเงินไปจ่ายนายทุน

 

ส่วนนางสาวประภาภรณ์ แก้วศิลา เปิดเผยว่า นางสุภีร์ กันธิมา และนางสาวปูชิตา ลีนาราช ได้มายืมรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า สีขาว ทะเบียน บก 6397 บึงกาฬ ของตนไปจำนำกับนางนาท ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ จำนวน 60,000 บาท แต่กับไม่ได้เงินสักบาท ซึ่งตนต้องจ่ายค่างวดและดอกเบี้ยเดือนละ15,000 บาท เพราะติดสัญญาเช่าซื้ออยู่กับบริษัทธนชาติ จำนวน 620,000 บาท แต่เมื่อจะนำเงินไปไถ่ถอนกับถูกนางนาทเรียกร้องค่าไถ่ถอน 90,000 บาท จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.รัตนวาปี จ.หนองคาย และได้มาฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีกับนางสุภีร์และนางสาวปูชิตา เพื่อขอเงินงวดและดอกเบี้ยที่จ่ายไปแล้วกว่า 80,000 บาทและให้นำรถคืนแต่ก็ไม่ได้คืน เมื่อนางสุภีร์ถูกจับ นางสาวปูชิตา ก็มาขอร้องให้สามีตนซึ่งเป็นเจ้าของรถให้ถอนคดี และจะให้เงิน 200,000 บาท ก่อนทำหนังสือสัญญาผ่อนชำระเงิน จำนวน 600,000 บาท โดยตกลงกันให้ผ่อนชำระ 35 งวดๆละ 10,000 บาท โดยเริ่มจ่ายงวดแรกในเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งที่ผ่านมาก็จ่ายตรงตามสัญญาแต่ 3 งวดที่ผ่านมา นางสาวปูชิตาจ่ายเงินไม่ครบตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อไปถามนางสาวปูชิตากลับพูดทำนองว่าเราไม่มีปัญญาไปทำอะไรตนได้เพราะได้ถอนคดีและคดีก็สิ้นสุดไปแล้ว อย่างมากก็ไปฟ้องแค่คดีแพ่งเท่านั้น ซึ่ง ขณะนี้ตนเดือดร้อนมากเพราะจะต้องหาเงินไปจ่ายดอกเบี้ย ส่วนสามีต้องไปทำงานที่ไต้หวันเพื่อหาเงินอีกทาง ซึ่งจากการสอบถามทั้ง 3 คนพบว่าได้มีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อขบวนการของนางสาวปูชิตา ลีนาราช เป็นจำนวนมากทั้งจังหวัดหนองคาย จังหวัดบึงกาฬและจังหวัดใกล้เคียง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบของสื่อมวลชนพบว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ อ.โพนพิสัย อยู่เบื้องหลังด้วย โดยจะได้ทำการตรวจสอบขบวนการนี้อย่างละเอียดต่อไป.

 

กลับ กลับหน้าหลัก



ติดต่อเรา

Copyright © 2016 nongkhainewsonline : ข่าวออนไลน์หนองคาย