สถิติประเทศไทย!!! ชายวัย 39 ชาวเมืองท่าบ่อ ขับ จยย. ผ่านจุดตรวจ ตำรวจเรียกตรวจผลเป่า 440 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยเมาขนาดนี้อันตรายทั้งตนเองและผู้ใช้ถนนร่วม

สถิติประเทศไทย!!! ชายวัย 39 ชาวเมืองท่าบ่อ ขับ จยย. ผ่านจุดตรวจ ตำรวจเรียกตรวจผลเป่า 440 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยเมาขนาดนี้อันตรายทั้งตนเองและผู้ใช้ถนนร่วม

วันนี้ (5 มกราคม 2564) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยกรณีจับข้อหาเมาแล้วขับของ สภ.ท่าบ่อ ที่น่าสนใจ โดยเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย ร.ต.อ.เสน่ห์ พรมสุข รอง สว.สส.สภ.ท่าบ่อ,ร.ต.อ.ลำพูล บุญตาระวะ รอง สวป.สภ.ท่าบ่อ ,ด.ต.วิทยา สาริกา ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าบ่อ ,ด.ต.สมคิด กองลุน ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าบ่อ ,ส.ต.ต.พงศกร วลัยศรี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าบ่อ ,ส.ต.ต.ณัฐวัฒน์ สมเพชร ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าบ่อ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ธีรวุฒิ  วงศาอ้วน ผกก.สภ.ท่าบ่อ ,พ.ต.ท.วิริยภาพ วิริยวังพรม รอง ผกก.ป.สภ.ท่าบ่อ ,พ.ต.ท.อภิรักษ์ อังคศิริสรรพ สวป.สภ.ท่าบ่อ ได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจในห้วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ โดยเน้นที่ผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับตามนโยบายของสำนักตำรวจแห่งชาติ ที่บริเวณจุดบริการประชาชนสี่แยกไฟเเดงน้ำโมง เขตเทศบาลเมืองท่าบ่อ

ต่อมาพบนายเอ นามสมมุติ  อายุ 39 ปี ราษฏรอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ขับขี่รถจักรยานยนต์ส่ายไปมามาที่จุดตรวจ จึงได้ทำการเรียกหยุดรถเพื่อขอตรวจสอบและตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ โดยนายเอ เมื่อจอดรถมีสภาพแทบเดินไม่ไหวเจ้าหน้าที่ต้องช่วยประคองมานั่ง ก่อนนำเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์มาตรวจโดยวัดได้ถึง 440 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สร้างความตื่นตกใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยตรวจวัดได้ขนาดนี้มาก่อน โดยสื่อมวลชนได้ตรวจสอบพบว่าในจังหวัดหนองคาย และจังหวัดใกล้เคียงไม่พบว่ามีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์สูงขนาดนี้มาก่อน ภายหลังการตรวจวัดเจ้าหน้าที่จะได้นำนายเอ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ดำเนินคดีต่อไป

 

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายหนึ่งในจังหวัดหนองคาย ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในช่วงวันหยุดยาว จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ เมื่อดื่มสุราไม่ควรขับขี่ยานยนต์ทุกชนิด เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ พิการและการเสียชีวิต

การเมาแล้วขับเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เนื่องจากเมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายจะถูกดูดซึมและกระจายไปได้ทุกส่วนของร่างกายภายในเวลา 5 นาที การดื่มสุราจะทำให้มีผลต่อการทำงานของอวัยวะระบบต่างๆ ของร่างกาย สุราจะไปมีผลกดการทำงานของระบบประสาท เป็นผลให้การทำงานของร่างกายช้าลง ประสาทหย่อนสมรรถภาพ การรับรู้ภาพ แสง และสีของสัญญาณต่างๆ ช้าลง ขอบเขตการมองเห็นภาพการจราจรแคบลง การคาดคะเนระยะผิดไปทำให้มีโอกาสอุบัติเหตุได้ง่าย ทำให้คนไทยต้องเสียชีวิต ปีละประมาณ 22,000 คน โดยมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ประมาณ 100,000 ราย ในจำนวนนี้ต้องกลายเป็นผู้พิการประมาณ 60,000 ราย และมีการประเมินความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นพบว่ามีมูลค่าประมาณห้าแสนล้านบาทต่อปี และกฎหมายเรื่องเมาแล้วขับมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ10,000 -20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังถูกศาลสั่งพักใบอนุญาตขับขี่มีกำหนดไม่น้อยกว่า 6 เดือนหรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่จนถึงการยึดรถไว้ได้ไม่เกิน 7 วัน

ข้อแนะนำสำหรับผู้ขับขี่รถ หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ไม่ควรดื่มสุราหากต้องขับขี่รถ หากดื่มสุราไม่ควรขับรถเองควรให้เพื่อนที่ไม่ดื่มสุราขับรถไปส่ง หรือใช้บริการรถแท็กซี่ หากดื่มสุราควรหยุดพักให้หายเมาก่อนขับรถ

ส่วนกรณีดังกล่าวที่มีผลเป่าสูงถึง 440 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ถือว่าอันตรายทั้งต่อตัวคนเมาหากขับรถ และก่อให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่นที่ใช้ถนนร่วมกัน เพราะผลเป่าขนาดนี้ในทางการแพทย์ถือว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเมาขนาดนี้ควรพักให้หายเมาจะดีที่สุด.

 

 
กลับ กลับหน้าหลัก



ติดต่อเรา

Copyright © 2016 nongkhainewsonline : ข่าวออนไลน์หนองคาย