กู้ภัยจาก จ.น่าน หากินไกลถึง หนองคาย และอุดรธานี อ้างเรี่ยไรการกุศล สอบถามการกุศลอะไรไม่ขอตอบ ทำชาวบ้านเดือดร้อน สื่อตรวจสอบพบอำเภออนุญาต แต่หัวใสสำเนาใบอนุญาตแจกก่อนเดินทั่วเมือง ตรวจสอบพบกินหรู นอนรีสอร์ต จี้ทุกอำเภอก่อนอนุญาตตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะทำกู้ภัยในพื้นที่เสียหายหนัก อีกทั้งหน่วยกู้ภัยทั่วประเทศไม่มีนโยบายออกเรี่ยไร

กู้ภัยจาก จ.น่าน หากินไกลถึง หนองคาย และอุดรธานี อ้างเรี่ยไรการกุศล สอบถามการกุศลอะไรไม่ขอตอบ ทำชาวบ้านเดือดร้อน สื่อตรวจสอบพบอำเภออนุญาต แต่หัวใสสำเนาใบอนุญาตแจกก่อนเดินทั่วเมือง ตรวจสอบพบกินหรู นอนรีสอร์ต จี้ทุกอำเภอก่อนอนุญาตตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะทำกู้ภัยในพื้นที่เสียหายหนัก อีกทั้งหน่วยกู้ภัยทั่วประเทศไม่มีนโยบายออกเรี่ยไร

วันนี้ (21 พ.ย. 63) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ จ.หนองคาย และ จ.อุดรธานี จำนวนมากว่าในขณะนี้ได้มีกลุ่มบุคคลนำชื่อหน่วยกู้ภัยแห่งหนึ่งใน จ.น่าน ออกตระเวนเรี่ยไรในพื้นที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเมื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบกลับไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะกลุ่มคนที่มาเรี่ยไรอ้างว่าได้ขออนุญาตถูกต้องจากทางอำเภออย่างถูกต้อง

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนดังกล่าวได้ใช้รถกระบะจำนวน 3-4 คัน ออกตระเวนเรี่ยไรในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย และ อ.บ้านผือ อ.น้ำโสม อ.นายูง จ.อุดรธานี โดยชาวบ้านได้แจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบแต่ตำรวจไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เนื่องจากกลุ่มคนดังกล่าวอ้างว่าได้ขออนุญาตถูกต้อง

 

ทั้งนี้จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า กลุ่มคนดังกล่าวได้ขออนุญาตถูกต้องจริง แต่ให้เข้าไปขออนุญาตเพียงคนเดียวก่อนนำใบอนุญาตมาสำเนาแจกจ่ายกัน ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและหากตรวจสอบไม่ละเอียดจะพบว่าเป็นการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ซึ่งในข้อเท็จจริงเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน

สำหรับการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากรวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต่างๆในพื้นที่ต่างได้รับผลกระทบ ถูกมองในภาพรวมทำให้เสียหาย และเมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามถึงวัตถุประสงค์ของการออกเรี่ยไร กลุ่มคนดังกล่าวไม่ขอตอบ และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกพบว่ากลุ่มคนดังกล่าวกินอยู่อย่างดีและเปิดรีสอร์ตนอน ก่อนตื่นมาเดินเรี่ยไร โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง โดยชาวบ้านได้เรียกร้องให้ทุกอำเภอก่อนจะอนุญาตการเรี่ยไรขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน ไม่ใช่อนุญาตง่ายๆแล้วให้คนเหล่านี้มาสร้างปัญหาในพื้นที่ และเมื่อสื่อมวลชนตรวจสอบพบว่าหน่วยกู้ภัยทั่วประเทศไม่มีนโยบายที่จะให้ออกเรี่ยไรเงินบริจาคอยู่แล้ว

 

ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พุทธศักราช 2487 มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้“การเรี่ยไร” หมายความรวมตลอดถึงการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้ หรือบริการ ซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือโดยปริยาย ว่ามิใช่เป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้ หรือบริการธรรมดา แต่เพื่อรวบรวมทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นด้วย

การขออนุญาตทำการเรี่ยไร ในที่สาธารณะ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือสื่อโทรทัศน์ จะต้องได้รับอนุญาตจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และจะต้องระบุวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน กำหนดวิธีการที่จะทำการเรี่ยไร จำนวนเงินที่ต้องการเรี่ยไร และสถานที่ทำการเรี่ยไร ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถเดินไปขอเรี่ยไรตามหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ นอกเหนือจากที่ขออนุญาตไว้ ตลอดจนกำหนดระยะเวลาเริ่มต้นของการเรี่ยไรและระยะเวลาสิ้นสุดไว้อย่างชัดเจน

ผู้ที่ขออนุญาตจะต้องมีอายุ 16 ปีบริบูรณ์ไม่มีจิตฟั่นเฟือน ไม่เป็นโรคติดต่อที่น่ารังเกียจ และไม่เคยต้องโทษฐาน ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ รับของโจร หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พุทธศักราช 2487

ในการขออนุญาตทำการเรี่ยไร หากอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครสามารถยื่นเรื่องขออนุญาตได้ที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย หรือต่างจังหวัดติดต่อที่ที่ว่าการอำเภอ ทุกจังหวัด

สิ่งสำคัญผู้ที่ได้รับอนุญาตจะต้องพกใบอนุญาตติดตัวตลอดเวลา เพื่อง่ายแก่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงห้ามใช้ถ้อยคำบังคับขู่เข็ญผู้ที่ถูกเรี่ยไร ทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือเกรงกลัว ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร หากฝ่าฝืนมาตรา 16 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี

อย่างไรก็ตาม การขอรับบริจาคนั้น หากมีการหลอกลวงหรือมีเจตนาในการฉ้อโกง หรือฉ้อโกงประชาชน ก็จะมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 หรือมาตรา 343 แล้วแต่กรณี รวมไปถึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท สุดท้ายอาจจะถูกตรวจสอบทรัพย์สิน เนื่องจากความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนนั้น เป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งอาจจะมีความผิดแยกอีกส่วนหนึ่งต่างหาก.

 

กลับ กลับหน้าหลัก



ติดต่อเรา

Copyright © 2016 nongkhainewsonline : ข่าวออนไลน์หนองคาย